พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมชวนชาวบ้าน ส่วนราชการ ทำบุญขอขมาแม่คงคา หลังเกิดเหตุเรือล่มในพื้นที่บ่อยครั้ง เชื่อ จะทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ยืนยันจะใช้แผน 2 กู้ซากเรือบรรทุกน้ำตาลลำที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หลังแผน 1 ประสบความล้มเหลว เชื่อหากฝนไม่ตกมาอีกวันจันทร์นี้ เรือน่าจะขึ้นจากน้ำได้ ย้ำ บริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกันเรือน้ำตาลต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทุกด้าน
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงเรือเอี้ยมจุ๊น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่วัดขุนพรหม ไปจนถึงจุดที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่ม พร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป ลงไปในเรือ เพื่อเลี้ยงภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ภายในเรือ ทั้งนี้ การทำบุญทางน้ำครั้งนี้ เป็นการขอขมาพระแม่คงคา เพื่อให้เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมดไป
สำหรับเครื่องเส้นไหว้พระแม่คงคาในครั้งนี้ ประกอบด้วย ขนมหวาน จำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง จัดใส่กระทงลอยไปในแม่น้ำ แล้วมีการโปรยข้าวตอก ดอกไม้ไปในจุดที่เรือบรรทุกข้าวสารล่ม หน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับใช้บายศรีปากชามลอยไปในน้ำด้วย ซึ่งการทำบุญในลักษณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเชื่อว่า น่าจะทำให้ปัญหาต่างๆ ตามลำน้ำเจ้าพระยาดีขึ้น
ทั้งนี้ พบว่า ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เขต อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา มาจนถึง จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดอุบัติเหตุทางน้ำบ่อยครั้ง โดยเฉพาะ ต.บ้านป้อม ต.ภูเขาทอง ต.ท่าวาสุกรี ต.ประตูชัย และ ต.สำเภาล่ม ซึ่งจะเกิดเหตุกับเรือขนส่งสินค้าทั้งแม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยา
นายอเนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จุดที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่ม ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งฐานทัพของพม่า และไทย ซึ่งเรียกกันว่า “โคกพญาราม” โดยสมเด็จพระมหาจักพรรดิ ใช้เป็นฐานที่ตั้งในการยกทัพไปรบกับพระเจ้าแปร ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระสุริโยทัย ถูกพระเจ้าแปรใช้พระแสงของ้าวฟันที่คอ
อีกทั้งจุดที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่ม ยังเป็นเส้นทางการเดินทัพทางน้ำของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยลงเรือที่บริเวณช่วงวัดท่าการ้อง แล้วไปขึ้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง นอกจากนี้จุดดังกล่าวในสมัยอดีตยังเป็นพื้นที่การสู้รบกันระหว่างไทย-พม่า บ่อยครั้ง
ผู้ว่าฯอยุธยาย้ำบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทุกด้าน
เวลา 16.30 น.ที่ห้องประชุมรับรองชั้นล่างศาลากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากกองทัพบก กองทัพเรือผู้แทนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ผู้ชำนาญการด้านการกู้เรือ, บริษัท เจ แอนด์ พี ไทยแลนด์ จำกัด ที่รับจ้าง บริษัท ไทยร่วมทุนคลังสินค้า ให้ขนส่งน้ำตาล, บริษัท อัลฟ่า มารีน ซัพพลาย จำกัด บริษัทเจ้าของเรือที่รับจ้างขนส่งน้ำตาล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือแนวทางการกู้เรือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว.ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
โดยในที่ประชุมตั้งเป้าหมายของการกู้เรือต้องโดยใช้แผนที่ 1 ใช้วิธีอุดปะรอยรั่ว ทั้งด้านนอกด้านในแล้วสูบน้ำออกจากเรือลากเรือออกไปได้ แต่ไม่สามารถอุดปะด้านนอกได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวแรง ต้องลดการระบายน้ำ หรือรอน้ำลดก่อนจึงจะดำเนินการได้ และแผนที่ 2 กรมเจ้าท่าร่วมกับบริษัท อัลฟ่า มารีน ซัพพลาย จำกัด หรือหน่วยงานจากกองทัพเรือ จัดทำโป๊ะพยุงเรือ (พอนทูน หรือ poontol) ใส่ในระหว่างเรือ ยกหัวเรือเชิดขึ้นนำเรือ และสูบน้ำออกจากเรือ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำโป๊ะใช้เวลาประมาณ 2 วัน คาดว่า หากไปตามกำหนดจะยกเรือขึ้นได้ภายในวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2554
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า แผนที่ 1 ในการกู้เรือบรรทุกน้ำตาล ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะกระแสน้ำไหลแรง และจะทำให้เกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน จึงต้องเปลี่ยนมาใช้แผนที่ 2 ซึ่งจะทำให้การทำงานง่ายกว่า และถึงแม้กระแสน้ำจะแรงมากเพียงใดวิธีการนี้น่าจะเป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้เรือบีเอ็ม 6 ที่จมลงในน้ำขณะนี้ขึ้นจากน้ำได้ง่ายที่สุด
ทั้งนี้ ต้องรอการทำพอนทูนบริเวณวัดบัวทอง จ.ปทุมธานี ให้เสร็จก่อน จึงจะลากพอนทูนมาเทียบเรือบีเอ็ม 6 และจมลงไปอัดอากาศใต้น้ำกับเรือ เพื่อพยุงเรือให้พ้นน้ำ โดยคาดว่าหากอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อม ก็จะเริ่มดำเนินการในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2554 นี้ ซึ่งจะใช้เวลาปฏิบัติงานประมาณ 2 วัน
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกรงว่า จะเกิดฝนตกในระยะนี้ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานลำบากมากขึ้น เพราะหากฝนตกจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น และกระแสน้ำไหลแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย