ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “อภิสิทธิ์” ปราศรัยหาเสียงที่เชียงใหม่ ชู “ประชาธิปัตย์” พร้อมเดินหน้าประเทศต่อ ไม่ต้องนับหนึ่ง แต่ดึงสิ่งดีๆ มารวมให้เต็มสิบ ยันไม่ขายฝันเรื่องที่บอกต้องทำได้จริง ชี้ พรรคอื่นชูนโยบายมากมายแต่ตอนเป็นรัฐบาลไม่เห็นทำ เหน็บ “เพื่อไทย” มุ่งแต่นิรโทษกรรม พร้อมตั้งคำถามหาเงินที่ไหนแจกคอมพ์นักเรียนฟรี-ต้องเลิกเรียนฟรี 15 ปี ให้มีงบพอหรือเปล่า? แถมปิดท้ายอ้อนชาวบ้านช่วยเลือก ปชป.“เฉลิม” จะได้ไปพักไวๆ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ เดินทางมายังโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในช่วงบ่ายของวันนี้ (2 มิ.ย.) เพื่อปราศรัยหาเสียงกับประชาชนในพื้นที่ ภายหลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ออกหาเสียงในพื้นที่ จ.ลำพูน ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก หลังมีข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ จำนวนหนึ่งเตรียมที่จะเดินทางมาพบ นายอภิสิทธิ์ ในการปราศรัยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นางกัญญาภัค มณีจักร แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งระบุว่า ต้องการมายื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งติดตามความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้ทำการชุมนุมภายในบริเวณโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม หรือกระทำการอื่นๆ ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด โดยได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนเดินทางกลับ มีรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำธงสีแดงมาติดตามเสาไฟฟ้าตามเส้นทางเข้าออกโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม
พร้อมกันนี้ นายนที ธีระโรจนพงษ์ เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ได้เดินทางมาพบ นายอภิสิทธิ์ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการผลักดันกฎหมายรับรองสถานะสมรสของกลุ่มรักร่วมเพศอีกด้วย
ด้าน นายอภิสิทธิ์ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบแบ่งเขตของพรรคประชาธิปัตย์ ในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างคับคั่ง กล่าวปราศรัยต่อประชาชนจำนวนกว่า 500 คน ที่มารับฟังการปราศรัยภายในหอประชุมของโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม ว่า ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พบกับชาวเชียงใหม่ไม่มากนัก เนื่องจากไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งขึ้น แต่ก็รับรู้และได้รับกำลังใจจากชาวเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาพบปะพูดคุยและนำเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์กับชาวเชียงใหม่
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงผลงานในระหว่างการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนั้นประเทศไทยประสบปัญหาหลายด้าน แต่รัฐบาลก็สามารถบรรเทาปัญหาและทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้ดำเนินนโยบายหลายอย่างที่เคยให้สัญญาไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพคนชรา หรือการประกันราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น ในขณะที่หลายพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลให้สัญญาว่าจะทำสิ่งต่างๆ ให้กับประชาชน แต่ไม่เคยทำได้จริง ต่างกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำตามที่สัญญาทุกอย่าง
สำหรับนโยบายต่างๆ ที่ได้ทำไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า หากได้เป็นรัฐบาลอีกก็จะดำเนินการต่อไปทันที และจะพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย แต่จะไม่รับปากว่าประชาชนจะได้เงินเพิ่มเท่านั้นเท่านี้ เพราะการประกาศนโยบายที่จะให้อะไรก็ตามกับประชาชน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าสามารถทำได้จริงและสอดคล้องกับสภาพความเป็นไปของประเทศในเวลานั้นหรือไม่จึงไม่ใช่แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์จะบอความจริงว่าอะไรที่ทำได้ เพราะสิ่งใดที่ได้ประกาศไว้กับประชาชนพรรคต้องทำให้เกิดขึ้นจริงได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นการกำหนดทิศทางของประเทศ อำนาจการตัดสินใจเป็นของพี่น้องประชาชน แต่พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ควรก้าวถอยหลัง และไม่ควรต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แต่ควรจะนำสิ่งต่างๆ ที่ดีอยู่แล้วมาประสานรวมกันให้เต็มสิบ และร่วมกันกับพี่น้องประชาชนในการพัฒนาประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนเลือกรัฐบาลที่จะมารับใช้ประชาชน ให้ความสำคัญกับปัญหาของประชานก่อน
พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การทำงานของพรรคให้ความสำคัญกับประชาชนทุกหมู่เหล่า ตนมองว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องปากท้อง ของแพง ยาเสพติด เป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข หากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกให้เข้ามาบริหารประเทศก็จะเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ทันที ต่างกับพรรคเพื่อไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการนิรโทษกรรมมากกว่า การที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าต้องทำเรื่องนิรโทษกรรมเพื่อให้เกิดความปรองดองนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นด้วยกับการปรองดอง แต่ต้องเป็นการปรองดองที่ไม่ใช่การละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ควรเกิดจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นผู้เริ่มต้น
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายจะให้คอมพิวเตอร์นักเรียนคนละเครื่อง แต่ไม่ได้บอกว่าจะนำงบประมาณจากตรงไหนมาใช้ ตนลองคำนวณแล้วคาดว่าการที่จะนำเงินมาจัดหาคอมพิวเตอร์ได้ก็คงจะต้องเลือกนโยบายเรียนฟรี หรือบางทีอาจจะต้องเลิกเบี้ยยังชีพคนชรากับเงินเดือน อสม.ด้วย ถึงจะมีเงินพอสำหรับจัดหาคอมพิวเตอร์ให้เด็กทุกคนในประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลสำรวจจากโพลต่างๆ นั้น ตนเองติดตามผลของโพลอย่างละเอียดมาตลอด อยากจะบอกพี่น้องประชาชนว่า จริงๆ แล้วคะแนนไม่ได้ต่างกันมาก โดยในขณะนี้จุดที่น่าสนใจคือโพลล์ต่างๆ ระบุว่า พื้นที่ที่จะชี้ขาดการเลือกตั้งอยู่ในภาคเหนือ เนื่องจากคะแนนของสองพรรคใหญ่สูสีกันมาก ตนไม่สามารถบอกได้ว่า โพลใดถูกต้องมากที่สุด และใครจะเป็นผู้ชนะ แต่จากการลงพื้นที่ในภาคเหนือทั้งที่พิษณุโลก นครสวรรค์ พะเยา ลำพูน และเชียงใหม่ในวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วต้องไปดูกันในวันเลือกตั้ง โดยประชาชนจะเป็นผู้ตอบเองว่าผลการสำรวจของโพลนั้นถูกหรือผิดอย่างไร
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อจากพรรคเพื่อไทย ว่า ทราบมาว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยประกาศที่เชียงใหม่ว่าจะปลดผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งตัว ร.ต.อ.เฉลิม เคยระบุว่า หากการเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย แพ้ พรรคประชาธิปัตย์ จะเลิกเล่นการเมือง ตนจึงอยากขอร้องพี่น้องประชาชนว่าให้ช่วยกันเลือกพรรคประชาธิปัตย์หน่อย คุณเฉลิม จะได้ไปพักผ่อนเสียที
