สุรินทร์ - ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 นำกำลังพลออกสร้างหลุมหลบภัยให้ประชาชนในหมู่บ้านที่ถูกจรวดบีเอ็ม 21 ของทหารกัมพูชาถล่มเสียหาย พร้อมออกแถลงการณ์ อัด “ฮุนเซน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้สร้างปัญหา ระบุอดีตทหารเขมรแดงเริ่มเบื่อหน่าย รัฐบาลกัมพูชาสั่งให้รบกับทหารไทย ผู้ที่เคยมีบุญคุณต่อกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พ.ต.สุกิตติ์ สุบรรณจุ้ย ฝ่ายประชาสัมพันธ์กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ได้นำกำลังทหาร ร่วมกับประชาชนบ้านน้อยร่มเย็น ร่วมกันเข้าเก็บกู้ซากและซ่อมแซม บ้านเรือน ของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากลูกจรวดแบบ BM-21 ของทหารกัมพูชา ที่ยิงเข้าใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 2 หลัง ให้สามารถเข้าพักอาศัยได้เหมือนเดิม
นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับประชาชนสร้างหลุมหลบภัยในบริเวณศูนย์หม่อนไหม กาบเชิง เพื่อให้ประชาชน สามารถใช้เป็นหลุมหลบภัย ที่ปลอดภัยจาก อาวุธของทหารฝ่ายกัมพูชา ที่มีเจตนายิงเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชนชาวไทยให้ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนแม้จะไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น แต่ความตึงเครียดด้านทหารตามแนวชายแดนไม่น่าไว้วางใจ การสร้างหลุมหลบภัยให้ประชาชนจะเป็นการป้องกันความสูญเสียในเบื้องต้น ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 จะได้ร่วมกับประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาสร้างหลุมหลบภัยในพื้นเสี่ยงให้ได้มากที่สุดในขณะนี้
นอกจากนั้น ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ยังได้ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ สาเหตุของปัญหาการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนชาวไทย ทหารไทยเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก บ้านเรือน สัตว์เลี้ยงของประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมากเช่นกัน
สาเหตุเกิดมาจากการกระทำของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา อยู่กันแบบเพื่อนบ้านที่ดี สัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ผู้นำกัมพูชาสร้างแผนการที่ขาดความรับผิดชอบ เพียงหวังความยิ่งใหญ่ หวังอำนาจโดยไม่เห็นความทุกข์ของประชาชนตาดำๆ ที่มีฐานะยากจนหาเช้ากินค่ำ พี่น้องชาวไทยและชาวกัมพูชาก็รู้กันอยู่แก่ใจ แต่ผู้นำกัมพูชาไม่รู้ ต้องการเพียงเพื่อแสดงอำนาจให้ชาวกัมพูชาเห็นว่าเขาเก่งคนเดียวไม่เกรงชาติอำนาจที่ใหญ่กว่า ถามว่าคิดได้เพียงแค่นี้เองหรือ
การปกครองที่ใช้เพียงอำนาจ ลุแก่โทสะเพียงอย่างเดียว ขาดสติเหตุผล มองดูแล้วน่าสมเพทยิ่งนัก มองเห็นดุจเพลิงที่โหมปะทุ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก ปกครอง ครอบครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จสามารถทำการสิ่งใดได้เพียงความคิดคนเดียว มองการสืบทอดอำนาจ โดยให้ พล.ต.ฮุน มาเน็ต บุตรชาย ได้มีโอกาสสร้างผลงาน ต้องการทดสอบผลงานโดยสร้างสนามรบแห่งนี้ให้บุตรชายทดลองเกมคนชน ทหารกัมพูชารุ่นพ่อบางคนก็แกกว่าพ่อ มีเยอะถูกใช้งานวิ่งหัวซุกหัวซุน ทำตามคำสั่งของทหารรุ่นลูก ที่รบกับทหารไทยก็มีแต่ทหารเขมรแดงเก่า ส่วนทหารของฮุน มาเน็ต แทบไม่เห็นหัวฮุน มาเน็ต อายุ 33 ปี เลือดร้อน หารู้ไม่บนความร้อนของเขาคือเลือดเนื้อพี่น้องของชาวกัมพูชา
เอกสารข่าวยังระบุว่า ขณะนี้ทหารเขมรเก่าเริ่มรู้สึกตัวว่าถูกหลอกใช้ ต่อให้รบชนะทหารไทยก็ไม่มีความดีความชอบ รู้แล้วก็ดีกว่าไม่รู้ จากการตรวจสอบของทหารไทยพบว่า ทหารเขมรแดงเก่าเริ่มแตกทัพ เพราะเป็นทหารนอกสายตาของผู้นำกัมพูชา ขาดการดูแลเอาใจใส่ ตอนนี้เริ่มเข้าใจนายกฯ ฮุนเซนแล้ว และซาบซึ้งใจว่านายฮุนเซนรักเขมรแดงเก่าขนาดไหน
ด้านแหล่งข่าวทางทาหรที่ปราสาทตาเมือนธม ระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 พ.อ.เนียะ วงศ์ เสธนาธิการและผู้บังคับการทหารชายแดน กรมที่ 42 ภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา (อดีตทหารเขมรแดง) ได้เดินทางขึ้นมาที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อเข้ามาพูดคุยเจรจานอกรอบกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานไทย แบบเป็นกันเองพร้อมเปิดใจว่า ความจริงแล้วทหารกัมพูชาในพื้นที่แนวชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ก็ไม่ได้อยากทำสงครามสู้รบกับทหารไทย แต่ด้วยความจำเป็นถูกสั่งการมาจากเบอร์ 1 (ทหารไทยตีความหมายเบอร์ 1 ว่า น่าจะเป็นนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือไม่ก็ พล.ท.ฮุน มาเน็ต บุตรชายของนายฮุนเซนนั่นเอง)
แหล่งข่าวระบุอีกว่า การถูกสั่งให้เปิดฉากยิงปะทะกับไทยนั้นก็เพื่อต้องการแสดงอำนาจ และเอาใจกลุ่มและเสียงที่สนับสนุนตนเอง อีกทั้งเพื่อกำจัดทหารเขมรแดงที่ไม่สนับสนุนฝ่ายตนเองให้หมดไป ในความหมายยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
แหล่งข่าวระบุว่า ในพื้นที่แนวชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ส่วนใหญ่จะเป็นทหารเขมรแดงซึ่งไม่อยากทำสงครามกับไทยอยู่แล้ว แต่มีทหารจากแนวหลังที่เข้ามาเปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อนล่าถอยออกไป ให้ทหารเขมรแดงที่อยู่แนวชายแดนรับเคราะห์แทนและเสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ถึงแม้จะสงบมากว่าครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และไม่ทราบว่าทหารกัมพูชาจะได้รับคำสั่งจากเบอร์ 1 ให้เปิดฉากยิงใส่ไทยอีกเมื่อไหร่
