สุรินทร์ -ฝ่ายกิจการพลเรือนกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อนุญาตให้ประชาชนตามแนวชายแดน ใกล้จุดปะทะระหว่างทหารไทย-กับทหารกัมพูชา สามารถเข้าประกอบอาชีพ ทำสวนยางพารา และดูแลพืชเศรษฐกิจ ไร่อ้อย มันสำปะลัง พร้อมกำชับ การเข้าออกหมู่บ้าน ยังห้ามเข้าใกล้พื้นที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม
วันนี้ (17 พ.ค.) เวลา 11.00 น.ที่ศาลากลางหมู่บ้านหนองคันนาหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ แก่ประชาชน บ้านหนองคันนา หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก เพื่อให้ประชาชน ทั้ง 2 หมู่บ้าน รับทราบแนวทางการปฎิบัติงาน และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ปรับปรุงพื้นที่ที่เสียหายให้กลับสู่ภาวะปกติ การสร้างอบอุ่นใจให้แก่ประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในหมู่บ้านหนองคันนา หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 8 บ้านโนนมะยาง หมู่ที่ 6 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และประชาชนในหมู่บ้านหัวอ่าง, บ้านอุโลก, บ้านไทยสันติสุข, บ้านไทยนิยมพัฒนา, ต.บักได อ.พนมดงรัก, บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยประชาชนในหมู่บ้านสายโท 12 ใต้ บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ เพื่อได้รับทราบถึงแนวทางการปฎิบัติงานของทหาร ที่ปฎิบัติงานในการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งประชาชน ใน 2 หมู่บ้านอยู่ใกล้กับบริเวนปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา และขณะนี้ทหารไทยยังคงมีการเข้มงวด และไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางเข้าใกล้พื้นที่ชายแดน ทั้งที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง และปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสายโท 12 ใต้ และบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ผลของการปะทะกันของทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณใกล้ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทำให้บ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทำการเกษตรกร ทั้งสวนยางพารา ไร่มันสำปะลัง และไร่อ้อย ถูกกระสุนจากเครื่องยิงลูกระเบิด และจรวดแบบ BM21 ของทหารกัมพูชาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในพื้นที่ที่เกิดการปะทะกัน ตามแนวชายแดน กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งห้ามประชาชน ที่มีบ้านเรือนใก้ลกับพื้นที่การปะทะและใกล้กับบริเวณที่กระปืนตกเข้าไปยังพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ทำการเกษตร พร้อมทั้งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD จากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปทำการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 และกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดที่ยังตกค้างในพื้นที่จนหมด
ขณะนี้ ประชาชนสามารถเดินทางเข้าไปประกอบอาชีพ ทำสวนยางพารา ไร่อ้อย และไร่มันสำปะหลัง ได้เป็นปกติแล้ว โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการเดินทางออกไปกรีดยางพารา ตั้งแต่ เวลา 02.00 น.ของทุกวัน สามารถขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จากเจ้าหน้าที่ทหารได้ พร้อมทั้งกำชับการเดินทางไปประกอบอาชีพตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ประชาชนต้องพกบัตรประชาชนหรือบัตรเหลืองด้วยทุกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ยังต้องเข้มงวดในการเข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนยังมีการตรึงกำลังทหารไว้ตลอดแนวชายแดน เนื่องจากสถานการณ์ ยังไม่น่าไว้วางใจ
พร้อมกับได้กำชับให้ประชาชนอย่างหลงเชื่อข่าวลือ ในแต่ละวัน มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการจะเกิดการปะทะรอบใหม่ของทหารกัมพูชา กับทหารไทย ที่มีข่าวลือต่อเนื่องทุกวัน แต่ก็ขอให้ประชาชนอย่าประมาท ให้รับฟังการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง อำเภอ และผ่านทางผู้ใหญ่บ้าน ทุกแห่ง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และเกิดความสับสวนวุ่นวาย
วันนี้ (17 พ.ค.) เวลา 11.00 น.ที่ศาลากลางหมู่บ้านหนองคันนาหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ แก่ประชาชน บ้านหนองคันนา หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก เพื่อให้ประชาชน ทั้ง 2 หมู่บ้าน รับทราบแนวทางการปฎิบัติงาน และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ปรับปรุงพื้นที่ที่เสียหายให้กลับสู่ภาวะปกติ การสร้างอบอุ่นใจให้แก่ประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในหมู่บ้านหนองคันนา หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 8 บ้านโนนมะยาง หมู่ที่ 6 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และประชาชนในหมู่บ้านหัวอ่าง, บ้านอุโลก, บ้านไทยสันติสุข, บ้านไทยนิยมพัฒนา, ต.บักได อ.พนมดงรัก, บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยประชาชนในหมู่บ้านสายโท 12 ใต้ บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ เพื่อได้รับทราบถึงแนวทางการปฎิบัติงานของทหาร ที่ปฎิบัติงานในการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งประชาชน ใน 2 หมู่บ้านอยู่ใกล้กับบริเวนปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา และขณะนี้ทหารไทยยังคงมีการเข้มงวด และไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางเข้าใกล้พื้นที่ชายแดน ทั้งที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง และปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสายโท 12 ใต้ และบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ผลของการปะทะกันของทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณใกล้ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทำให้บ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทำการเกษตรกร ทั้งสวนยางพารา ไร่มันสำปะลัง และไร่อ้อย ถูกกระสุนจากเครื่องยิงลูกระเบิด และจรวดแบบ BM21 ของทหารกัมพูชาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในพื้นที่ที่เกิดการปะทะกัน ตามแนวชายแดน กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งห้ามประชาชน ที่มีบ้านเรือนใก้ลกับพื้นที่การปะทะและใกล้กับบริเวณที่กระปืนตกเข้าไปยังพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ทำการเกษตร พร้อมทั้งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD จากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปทำการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 และกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดที่ยังตกค้างในพื้นที่จนหมด
ขณะนี้ ประชาชนสามารถเดินทางเข้าไปประกอบอาชีพ ทำสวนยางพารา ไร่อ้อย และไร่มันสำปะหลัง ได้เป็นปกติแล้ว โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการเดินทางออกไปกรีดยางพารา ตั้งแต่ เวลา 02.00 น.ของทุกวัน สามารถขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จากเจ้าหน้าที่ทหารได้ พร้อมทั้งกำชับการเดินทางไปประกอบอาชีพตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ประชาชนต้องพกบัตรประชาชนหรือบัตรเหลืองด้วยทุกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ยังต้องเข้มงวดในการเข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนยังมีการตรึงกำลังทหารไว้ตลอดแนวชายแดน เนื่องจากสถานการณ์ ยังไม่น่าไว้วางใจ
พร้อมกับได้กำชับให้ประชาชนอย่างหลงเชื่อข่าวลือ ในแต่ละวัน มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการจะเกิดการปะทะรอบใหม่ของทหารกัมพูชา กับทหารไทย ที่มีข่าวลือต่อเนื่องทุกวัน แต่ก็ขอให้ประชาชนอย่าประมาท ให้รับฟังการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง อำเภอ และผ่านทางผู้ใหญ่บ้าน ทุกแห่ง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และเกิดความสับสวนวุ่นวาย
