ศรีสะเกษ - นายก อบต.- กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซัดรัฐบาลเขมรจอมลวงโลก ปิศาจกระหายสงคราม ยิงถล่มไทยก่อนไม่เว้นพื้นที่พลเรือน ทำ ปชช.ไทยเจ็บตาย บ้านเรือนพังยับเยิน ยังมีหน้ามาหอบหลักฐานร้องยุเนสโกกล่าวหาไทยเป็นฝ่ายก่อสงคราม
วันนี้ (1 มี.ค.) นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาหอบหลักฐานร้องต่อยูเนสโก ว่า ถูกทหารไทยยิงถล่มก่อนกว่า 300 นัด จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงบริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ในฐานะที่ตนอยู่ในพื้นที่ และใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอยืนยันว่า ทหารไทยไม่ได้เป็นฝ่ายยิงใส่ฝ่ายกัมพูชาก่อน แต่ทหารไทยถูกฝ่ายกัมพูชายิงถล่มด้วยอาวุธปืนนานาชนิด รวมทั้งปืนใหญ่ และ จรวดบีเอ็ม 21 ทำให้ต้องตอบโต้ เพื่อเป็นการรักษาอธิปไตยของชาติไทย ซึ่งในการยิงตอบโต้กันนั้น เมื่อเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตไทยแล้ว ทหารไทยก็ได้หยุดยิงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายของบ้านเรือนราษฎรของประชาชนไทย เป็นหลักฐานพยานชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาเป็นต้นเหตุของการก่อสงครามและระดมยิงอาวุธร้ายแรงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เสียชีวิต รวมทั้งบ้านเรือนทรัพย์สินพังเสียหายยับเยินเป็นจำนวนมาก หากมีการนำเอาหลักฐานเหล่านี้ไปไปพิสูจน์ชี้แจงเชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาจะอับอายไปทั่วโลก เพราะสายตาของสังคมโลกต้องมองว่ารัฐบาลกัมพูชาเป็นจอมลวงโลก หวังตบตาโกหกคนทั้งโลกจากการที่ได้พยายามก่อสงครามในครั้งนี้ขึ้นมา
ทางด้าน นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหารอย่างรุนแรงในวันแรก 4 ก.พ.และวันที่ 6 ก.พ.ตนได้อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้รับทราบและรู้เห็นอย่างชัดเจนว่าทหารกัมพูชาใช้อาวุธยิงถล่มใส่ฝ่ายไทยก่อน ส่งผลให้ทหารไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะคงไม่มีชาติใดในโลกนี้ ที่จะปล่อยให้ทหารต่างชาติยิงถล่มใส่ดินแดนของตัวเองโดยไม่ทำอะไร
“เรื่องนี้หากรัฐบาลกัมพูชานำไปร้องเรียนต่อยูเนสโก หลักฐานความเสียหายของบ้านเรือนชาวบ้าน รวมทั้งสภาพศพของประชาชนชาวไทยศีรษะขาดเสียชีวิต และซากเศษจรวดบีเอ็ม 21จะเป็นเครื่องพิสูจน์และยืนยันได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา คือ ปิศาจร้ายกระหายสงคราม ทำให้ชาวไทยที่รักสงบและอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องอพยพหนีภัยสงครามกว่า 30,000 คน ฉะนั้น หากรัฐบาลกัมพูชายังคงสร้างหลักฐานเท็จเพื่อโกหกคนทั้งโลกความสงบสุขตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็คงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายวีรยุทธ กล่าว