ศรีสะเกษ - “กำนันเสาธงชัย” แค้น “ฮุนเซน” ลั่นนำ ปชช.เหยื่อกระสุนปืนใหญ่-จรวด BM-21 เขมร ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3,000 ล้าน จากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเป็นค่าชดใช้ชีวิต ทรัพย์สิน เสียโอกาสประกอบอาชีพ และเป็นค่าทำขวัญประชาชนไทยกว่า 25,000 คน ต้องอพยพหนีตาย ทหารเขมรระดมอาวุธหนักยิงถล่มเข้าใส่พื้นที่พลเรือนหมู่บ้านชุมชนในเขตแดนไทย
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชา กับทหารไทยระหว่างวันที่ 4-16 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ทำให้ประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทหารฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ และ จรวดบีเอ็ม-21 รวมทั้งอาวุธหนักเข้ามาใส่พื้นที่หมู่บ้านชุมชนของราษฎรไทย ทำให้ทรัพย์สินบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และมีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย คือ นายเจริญ ผาหอม จากการถูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา ศีรษะหายไปอย่างน่าสยดสยอง สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ลูกเมีย ญาติพี่น้องผู้เคารพรักนับถือเป็นอย่างมาก
ส่วนบ้านเรือนของประชาชนถูกกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายทหารกัมพูชาตกใส่ เกิดระเบิด ไฟไหม้เสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลัง ได้รับความเสียหายบางส่วน 15 หลัง และมีสวนยางพาราของเกษตรกรถูกกระสุนปืนใหญ่และลูกจรวดบีเอ็ม- 21 ของกัมพูชา เกิดไฟไหม้เสียหายไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกจำนวนหลายพันไร่
นายวีรยุทธ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ปะทะกันและทหารกัมพูชายิงอาวุธเข้าใส่พื้นที่พลเรือน ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยของประชาชนไทยครั้งนี้ ทำให้ราษฎรไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 25,000 คน ต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพหนีภัยการสู้รบในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด พ่อแม่ลูกต้องพลัดหลงจากกัน เพราะต้องวิ่งหนีกระสุนปืนใหญ่ในสภาพขวัญกระเจิง ต่างหนีตายเอาชีวิตรอด กว่าจะตามหากันพบได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวภายในศูนย์อพยพที่ทางราชการจัดไว้ให้ ต้องใช้เวลาหลายวัน ซึ่งการสู้รบกันในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนทั้งหมดไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ทำให้ขาดรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว เพราะหากกลับมาไปบ้าน เพื่อทำมาหากินตามปกติ ก็เกรงกลัวจะได้รับอันตรายจากกระสุนปืนใหญ่และลูกจรวดของฝ่ายกัมพูชาที่อาจยิงถล่มเข้ามาพื้นที่หมู่บ้านชุมชนในเขตแดนไทยได้ตลอดเวลา
ตนเห็นว่า เรื่องนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้นำของรัฐบาลกัมพูชา ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อสงครามในครั้งนี้ ดังนั้น ตนจะได้หารือเรื่องนี้กับผู้นำหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องใน จ.ศรีสะเกษ เพื่อเตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลกัมพูชา เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าชดใช้ชีวิต ค่าเสียหายของทรัพย์สิน บ้านเรือน ค่าสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพสร้างรายได้ และเป็นค่าทำขวัญของประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ไร้ซึ่งความสงบสุขจากภัยกระสุนปืนใหญ่ และ จรวดบีเอ็ม 21 ของฝ่ายกัมพูชา ในครั้งนี้