xs
xsm
sm
md
lg

ฉีกหน้ากากแขมร์ เขมรใช้ปราสาทพระวิหารกำบัง เป็นที่ตั้งทหาร-ปืนกล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>มรดกโลกหรือคลังแสง?-- ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชากำลังช่วยกันโหลดกระสุนปืนกลหนักภายในบริเวณปราสาทพระวิหาร สิ่งปลูกสร้างที่เห็นอยู่เบื้องหลัง เข้าใจว่าจะเป็นโคปุระชั้น 3 ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสุดทางขึ้นจากบันไดนาคไปยังพระวิหารใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสุดบนหน้าผา กัมพูชากล่าวหาว่าไทยยิงปืนใหญ่ถล่มปราสาทกับบริเวณรอบๆ ในการปะทะวันศุกร์ 4 ก.พ. ภาพนี้ให้คำตอบได้อย่างดีเพราะเหตุใดฝ่ายไทยจึงต้องยิงไปที่นั่น-- REUTERS/Pheara.</font>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันเสาร์ 5 ก.พ.2554 นี้ สามารถให้คำตอบได้ว่า เพราะเหตุใดก่อนหน้านั้น 1 วัน ทหารไทยจึงต้องยิงถล่มบริเวณปราสาทพระวิหารกับอาณาบริเวณโดยรอบ ซึ่งทำให้สิ่งปลูกสร้างส่วนหนึ่งในเขตปราสาทเก่าแก่อายุ 1,000 ปี ได้รับความเสียหายเล็กน้อย

ภาพรอยเตอร์ซึ่งถ่ายในวันเสาร์ 5 ก.พ. แสดงให้เห็นทหารกัมพูชากำลังช่วยกันเรียงกระสุนปืนกลหนัก เบื้องหลังของพวกเขาเข้าใจว่าจะเป็นโคปุระชั้น 3 ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางจากบันไดนาคไปยังพระวิหารใหญ่ที่อยู่ชั้นในสุด โคปุระชั้น 3 นี้ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในบรรดา ซุ้มประตูทางเข้าสู่พระวิหารทั้งหมด

อีกภาพหนึ่งแสดงให้เห็นทหารกัมพูชาหมวดหนึ่งที่มีอาวุธครบมือ กำลังพักผ่อนในอิริยาบถที่สบายๆ ภายในสิ่งปลูกสร้างที่เข้าใจว่าจะเป็นโคปุระชั้นในสุดก่อนจะถึงพระวิหารใหญ่ รอยเตอร์กล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการปะทะกับฝ่ายไทยเป็นเวลาสั้นๆ ในเวลาเช้าตรู่วันเดียวกัน ที่มีทหารไทยพลีชีพ 1 นาย

ภาพดังกล่าวเป็นหลักฐานอันแน่นหนาที่ช่วยยืนยันคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ไทยในวันเสาร์ที่ว่า ทหารกัมพูชาใช้อาวุธยิงลงจากปราสาทพระวิหารใส่ที่ตั้งของตำรวจชายแดนไทยในบริเวณเนินมออีแดง ที่อยู่ในดินแดนไทย

รัฐบาลกัมพูชาส่งหนังสือถึงประธานที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กล่าวหาว่า ไทยยิงปืนใหญ่ถล่มบริเวณปราสาทพระวิหารกับบริเวณโดยรอบ ทำให้ปราสาทมรดกโลกได้รับความเสียหายอย่างหนักหลายแห่ง ขณะที่กองโฆษกรัฐบาลในกรุงพนมเปญแถลงว่า ปราสาทเก่าแก่ “เสี่ยงต่อการพังทลาย”

ภาพของรอยเตอร์ที่ทหารกัมพูชาพักอย่างสบายอารมณ์นั้น ไม่มีส่วนใดของสิ่้งปลูกสร้างที่แสดงว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก และใกล้จะพังครืนลง

สำนักข่าวแคมโบเดียเอ็กซ์เพรส ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ภาพจำนวนหนึ่งในค่ำวันเสาร์ แสดงให้เห็นบริเวณบันไดนาค ทางขึ้นไปยังปราสาทพระวิหารได้

รับความเสียหายเป็นรอยกะเทาะในหลายจุด เช่นเดียวกันกับกำแพงหินศิลาแลงในอาณาบริเวณเดียวกัน แต่ไม่มีส่วนใดที่ “เสียหายหนัก” หรือ “ใกล้พังทลาย” ตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง

ภาพของ CEN ยังแสดงให้เห็นวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในวันศุกร์ แต่ไม่มีส่วนใดเสียหายหนักเช่นกัน
สราญอารมณ์ในมรดกโลก - ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชากลุ่มนี้พักผ่อนหลังปะทะกับฝ่ายไทยในตอนเช้าตรู่ พวกเขายังอยู่ที่นั่นในสิ่งปลูกสร้างที่เข้าใจว่าจะเป็นโคปุระชั้นในสุด ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ปราสาทมรดกโลกเป็นที่กำบัง ในการตั้งทหารและอาวุธ รวมทั้งระหว่างปะทะกับฝ่ายไทยก่อนหน้านั้น 1 วันด้วย - REUTERS/Pheara
2
เหตุการณ์การสู้รบที่ชายแดนปราสาทพระวิหาร
<bR><FONT color=#000033>ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 เข้าใจว่าจะเป็นชิ้นหางของจรวดโจมตี ปักอยู่บนพื้นที่มีสภาพกระจุยกระจาย หลังการยิงต่อสู้กับฝ่ายไทยนอกบริเวณปราสาทพระวิหารในวันศุกร์ กัมพูชาใช้ปราสาทมรดกโลกเป็นที่ตั้งทหารและอาวุธ.-- AFP PHOTO</font>
3
<bR><FONT color=#000033>ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 ฝ่ายกัมพูชาลำเลียงทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับไทยในเช้าวันเดียวกันออกไปจากบริเวณปราสาทพระวิหาร ภาพเหล่านี้ได้ยืนยันว่ากัมพูชาใช้ปราสาทมรดกโลกเป็นเกราะกำบังในการปะทะกับฝ่ายไทย.-- REUTERS/Pheara. </font>
4
<bR><FONT color=#000033>ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชามองดูซากที่ตั้งที่ถูกไฟไหม้หลังปะทะกับทหารไทยในวันศุกร์ 4 ก.พ. ใกล้กับปราสาทพระวิหาร.-- AFP PHOTO/Stringer.</font>
5
<bR><FONT color=#000033>ภาพถ่ายจากวิดีโอหน้าจอโทรทัศน์กัมพูชา เป็นเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชาวิ่งเข้าหาบังเกอร์ ระหว่างปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนใกล้กับปราสาทพระวิหาร.--REUTERS/CTN.</font>
6
<bR><FONT color=#000033>ภาพถ่ายจากวิดีโอหน้าจอโทรทัศน์กัมพูชา เป็นเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชากำลังยิงปืนกลจากด้านหลังบังเกอร์ ระหว่างปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร.--REUTERS/CTN.</font>
7
<bR><FONT color=#000033>ภาพถ่ายจากวิดีโอหน้าจอโทรทัศน์กัมพูชา เป็นเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ.2554 ทหารกัมพูชาถือเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี ขณะยืนหลบอยู่ด้านหลังบังเกอร์ ระหว่างปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร.--  REUTERS/CTN. </font>
8
กำลังโหลดความคิดเห็น