ศูนย์ข่าวศรีราชา - “เกาะสีชัง” ทำปะการังเทียมคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลกว่า 3,000 จุด พร้อมเร่งติดตามการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3
นายสุรชัย แสงทักษิณ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) กล่าวว่า ทางเกาะสีชัง มีโครงการก่อสร้างปะการังเทียมคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 1.50 x 1.50 x 1.50 เมตร เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรประมงทางทะเลของเกาะสีชัง จำนวน 3,189 แท่งของเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ณ เกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบการขออนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ ได้เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่การขออนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ จังหวัดชลบุรี โดยโครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อยุทธศาสตร์จังหวัด ผังเมือง และไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของจังหวัดชลบุรี
สำหรับโครงการก่อสร้างปะการังเทียมคอนกรีตเสริมเหล็กฯ เทศบาลตำบลเกาะสีชัง มอบหมายให้สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาและวิจัย ในการวางปะการังเทียมฯลงไปในทะเล เพื่อให้ปลาเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเดิมได้ทำการศึกษาไว้จำนวน 4 จุด แต่ทางคณะฯขอให้เพิ่มจุดวางปะการังเทียมเพิ่มเป็นจำนวน 8 จุดเพื่อกระจายแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิม
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการตรวจสอบ โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ขนาดเกิน 500 ตันกรอสส์ จำนวน 3 ท่า คือ ท่า D1, D2, D3 มีที่ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลอ่าวไทยตะวันออก ภายในอาณาบริเวณท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง)
จากการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เมื่อปี 2542 แต่เนื่องจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ประกาศดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้นจึงขอให้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ประสาน สผ. เพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างดังกล่าว ว่าเข้าข่ายต้องดำเนินการตามประกาศนี้หรือไม่ อย่างไร และการดำเนินการจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ขอให้ชี้แจงให้คณะทำงานได้รับทราบในภายหลัง เพื่อประสานและดำเนินการต่อไป
นายสุรชัย แสงทักษิณ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) กล่าวว่า ทางเกาะสีชัง มีโครงการก่อสร้างปะการังเทียมคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 1.50 x 1.50 x 1.50 เมตร เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรประมงทางทะเลของเกาะสีชัง จำนวน 3,189 แท่งของเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ณ เกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบการขออนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ ได้เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่การขออนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ จังหวัดชลบุรี โดยโครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อยุทธศาสตร์จังหวัด ผังเมือง และไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของจังหวัดชลบุรี
สำหรับโครงการก่อสร้างปะการังเทียมคอนกรีตเสริมเหล็กฯ เทศบาลตำบลเกาะสีชัง มอบหมายให้สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาและวิจัย ในการวางปะการังเทียมฯลงไปในทะเล เพื่อให้ปลาเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเดิมได้ทำการศึกษาไว้จำนวน 4 จุด แต่ทางคณะฯขอให้เพิ่มจุดวางปะการังเทียมเพิ่มเป็นจำนวน 8 จุดเพื่อกระจายแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิม
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการตรวจสอบ โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ขนาดเกิน 500 ตันกรอสส์ จำนวน 3 ท่า คือ ท่า D1, D2, D3 มีที่ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลอ่าวไทยตะวันออก ภายในอาณาบริเวณท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง)
จากการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เมื่อปี 2542 แต่เนื่องจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ประกาศดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้นจึงขอให้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ประสาน สผ. เพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างดังกล่าว ว่าเข้าข่ายต้องดำเนินการตามประกาศนี้หรือไม่ อย่างไร และการดำเนินการจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ขอให้ชี้แจงให้คณะทำงานได้รับทราบในภายหลัง เพื่อประสานและดำเนินการต่อไป
