เชียงราย - เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง เดินหน้าเข้าตรวจสอบผืนป่าต้นน้ำอ่างเก็บน้ำในโครงการพระราชดำริฯ แม่เปิน เมืองเชียงราย ซ้ำอีกรอบ หลังปลายปี 53 ประกาศยึดแล้ว 500 กว่าไร่ พร้อมดำเนินคดีนายทุนพัวพันแล้ว 2 ราย เล็งตรวจสอบเพิ่มอีกเพียบ ชี้มีสิทธิ์มัดคอบิ๊ก ขรก.ในพื้นที่ด้วย
ที่จังหวัดเชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ร่วมกับ ทหารพราน ฝ่ายปกครอง กรมที่ดิน ฯลฯ เข้าตรวจสอบและยึดคืนพื้นที่ป่าต้นน้ำอ่างเก็บน้ำโครงการพระราชดำริฯ แม่เปิน เขต ต.ป่าตึง และ ต.ป่าซาง อ.แม่จัน เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2553 ที่ผ่านมา โดยพบว่า มีการออกเอกสารการถือครอง ส.ค.1 ทับพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณกว้างหลายพันไร่นั้น
โดยครั้งแรกทางเจ้าหน้าที่สามารถยึดคืนผืนป่าเขตหมู่บ้านป่าเมี้ยง หมู่ 5 ต.ป่าตึง พบหลักหมุดของกรมที่ดินอยู่ในเขตวนอุทยานแม่สลองจำนวน 295 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวา และที่ดินในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) จำนวน 221 ไร่ รวมจำนวนทั้งหมดประมาณ 516 ไร่และพบมีการสร้างบ้านพักจำนวน 4 หลัง ห้องน้ำ 1 หลัง และระบบประปา ท่อประปา ตัดไม้บางส่วน รวมทั้งมีการปรับพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ฯลฯ จากนั้นมีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมจิตร เทพภักดี นายทุนจาก จ.นครศรีธรรมราช และนายสมบัติ มงคลมั่งสกุล นายทุนผู้เป็นผู้แจ้งขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเข้าไปทำการรังวัด ในข้อหายึดถือและครอบครองป่าวนอุทยานเพื่อทำประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่นเกิน 25 ไร่ ตามมาตรา 54 มาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ปี 2484 และข้อหาเข้าไปยึดถือครองครองหรือทำลายที่ดินของรัฐเกิน 50 ไร่ ตามมาตรา 9 และมาตรา 108 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน 2497
อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือพื้นที่ที่มีการออก ส.ค.1 จากกลุ่มคนเดียวกัน และเกี่ยวโยงไปถึงบุคคลในพื้นที่ที่มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอีกหลายคนรวมเนื้อที่หลายพันไร่
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดเดิมนำโดยนายธงชัย ศิริพัฒนานุกูลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงราย ,นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ,นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.ส่วนป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดพื้นที่คืนเป็นครั้งที่สองอีกครั้ง
ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดพื้นที่ ที่อยู่ถัดจากเขตรับผิดชอบขอสงวนอุทยานแห่งชาติ แต่มีหลักหมุดของกรมที่ดิน ปักต่อๆ กันลงไปจากเนินเขาด้านบนสู่ด้านล่าง โดยดำเนินการยึดคืนเพิ่มเติมจำนวน 200 ไร่ สภาพมีการปรับพื้นที่ ตัดต้นไม้ และสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างเหมือนพื้นที่แรก รวมทั้งมีการปลูกพืชเศรษฐกิจทั้งกาแฟ มะละกอ และติดตั้งระบบประปา บนพื้นที่ที่มีความสูงชันและมีต้นไม้ใหญ่มากมาย เจ้าหน้าที่จึงกันพื้นที่พร้อมปักป้ายยืนยันว่า ได้ตรวจยึดเอาไว้เหมือนครั้งแรก จากนั้นเร่งติดตามหาผู้ที่เกี่ยวข้องการดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งมีกฎหมายระบุให้ทางฝ่ายปกครองอำเภอเข้าไปบริหารจัดการ ดังนั้น ในการตรวจยึดครั้งแรก ซึ่งมีทางเจ้าหน้าที่วนอุทยานเป็นแม่งานจึงไม่ได้ตรวจยึดพื้นที่แปลงนี้ เพราะต้องรอให้ฝ่ายปกครองเข้าไปร่วมตรวจสอบก่อน
ขณะที่ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินยังคงยืนยันว่าผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวเป็นผู้ขอออก ส.ค.1 จริง และทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องทำให้ตามหน้าที่ แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อออกให้แล้วจะกลายเป็นโฉนดที่ดิน เพราะต้องเข้าหลักเกณฑ์ว่า ไม่รุกล้ำเขตป่าหรือพื้นที่ต้องห้าม และต้องมีการทำกินติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี
ที่ผ่านมานายสมจิตร มี ส.ค.1 ที่ขออนุญาตแล้วจำนวนถึง 23 แปลง รวมทั้งของรายอื่นๆ รวมทั้งหมดกว่า 37 ใบที่ขอในช่วงเดียวกัน ดังนั้นจึงยังคงเหลือพื้นที่ที่อาจจะถูกตรวจสอบและยึดคืนในอนาคตอีกจำนวนมาก
อนึ่ง การตรวจยึดคืนผืนป่าดังกล่าวมีขึ้น หลังจาก พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ประกาศว่า ได้รับแจ้งว่ามีการบุกรุกป่าหลายแห่ง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้มงวดดำเนินการไม่เช่นนั้นทาง กอ.รมน.ซึ่งมีฝ่ายทหารอยู่ด้วยจะเข้าไปผลักดันโดยอาจถึงขั้นย้ายเจ้าหน้าที่ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ออกนอกพื้นที่