ศูนย์ข่าวภูมิภาค - เครือข่ายภาคประชาสังคมกว่า 30 จังหวัด ออกแถลงการณ์หนุน “มาร์ค” ใช้สันติวิธีแก้ปัญหาการชุมนุมหางแดง ย้ำแนวคิดต้องฟังคนส่วนใหญ่ในสังคม พร้อมเรียกร้องให้ตั้งคณะปฏิรูปประเทศไทย-แก้ รธน.ก่อนยุบสภา
วันนี้ (30 มี.ค.) เครือข่ายภาคประชาสังคม กว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ นครราชสีมา, นครปฐม ราชบุรี ฯลฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนขององค์กรภาคประชาสังคม ต่อวิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้น หลังจากมีตัวแทนแต่ละจังหวัดเข้าหารือกันเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มี.ค.) ซึ่งมีข้อสรุปเบื้องต้นว่า
ตามที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้มีการเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่าย นปช.ที่สถาบันพระปกเกล้า ในวันที่ 28 และ 29 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมานั้น องค์กรภาคประชาสังคม 30 จังหวัด ทั่วประเทศ มีความเห็นสนับสนุนมาตรการการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าการไม่ใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุม การรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยยึดหลักกฎหมายที่เป็นธรรม ตลอดจนการเปิดโต๊ะเจรจาทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาล และ นปช.พร้อมการสื่อสารถึงสาธารณะโดยตรงเช่นนี้
แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุเนื้อหาขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่เข้าใจและแสดงเจตนาให้น้ำหนักชัดเจนว่าประเทศนี้ยังมีภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมอีก ประเทศไทยมิได้ประกอบด้วยเพียงกลุ่มคนเสื้อแดง เสื้อเหลือง และพรรคการเมือง ประเทศไทยยังมีภาคส่วนอื่นๆ และประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากกลุ่มที่ออกมาชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ด้วยปรากฏการณ์การชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย นปช.หรือฝ่ายพันธมิตรฯ เนื้อหาที่เป็นสาระอันควรแก่การแก้ไข คือ รากเหง้าปัญหาของการไม่ได้รับความเป็นธรรมของประชาชนในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รากเหง้าของปัญหาการคอร์รัปชันของนักการเมือง และข้าราชการอันเกิดจากเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ
องค์กรภาคประชาสังคม 30 จังหวัด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขปัญหาระดับโครงสร้างของประเทศ ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย อันประกอบด้วยบุคคลอันที่เป็นยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่ในการสรุปปัญหาและการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างระบบ ดำเนินการคู่ขนานเพื่อให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล รัฐสภา และสังคม ไปพร้อมกับการแก้ไขกติกาต่างๆ ในรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาตามโอกาสของกรอบเวลาที่มี
ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างประสานงาน เพื่อนำแถลงการณ์เสนอต่อรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
วันนี้ (30 มี.ค.) เครือข่ายภาคประชาสังคม กว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ นครราชสีมา, นครปฐม ราชบุรี ฯลฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนขององค์กรภาคประชาสังคม ต่อวิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้น หลังจากมีตัวแทนแต่ละจังหวัดเข้าหารือกันเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มี.ค.) ซึ่งมีข้อสรุปเบื้องต้นว่า
ตามที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้มีการเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่าย นปช.ที่สถาบันพระปกเกล้า ในวันที่ 28 และ 29 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมานั้น องค์กรภาคประชาสังคม 30 จังหวัด ทั่วประเทศ มีความเห็นสนับสนุนมาตรการการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าการไม่ใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุม การรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยยึดหลักกฎหมายที่เป็นธรรม ตลอดจนการเปิดโต๊ะเจรจาทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาล และ นปช.พร้อมการสื่อสารถึงสาธารณะโดยตรงเช่นนี้
แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุเนื้อหาขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่เข้าใจและแสดงเจตนาให้น้ำหนักชัดเจนว่าประเทศนี้ยังมีภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมอีก ประเทศไทยมิได้ประกอบด้วยเพียงกลุ่มคนเสื้อแดง เสื้อเหลือง และพรรคการเมือง ประเทศไทยยังมีภาคส่วนอื่นๆ และประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากกลุ่มที่ออกมาชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ด้วยปรากฏการณ์การชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย นปช.หรือฝ่ายพันธมิตรฯ เนื้อหาที่เป็นสาระอันควรแก่การแก้ไข คือ รากเหง้าปัญหาของการไม่ได้รับความเป็นธรรมของประชาชนในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รากเหง้าของปัญหาการคอร์รัปชันของนักการเมือง และข้าราชการอันเกิดจากเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ
องค์กรภาคประชาสังคม 30 จังหวัด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขปัญหาระดับโครงสร้างของประเทศ ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย อันประกอบด้วยบุคคลอันที่เป็นยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่ในการสรุปปัญหาและการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างระบบ ดำเนินการคู่ขนานเพื่อให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล รัฐสภา และสังคม ไปพร้อมกับการแก้ไขกติกาต่างๆ ในรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาตามโอกาสของกรอบเวลาที่มี
ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างประสานงาน เพื่อนำแถลงการณ์เสนอต่อรัฐบาลโดยเร็วที่สุด