ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มรัฐธรรมนูญ 40 เชียงใหม่ สำนักกระจายอำนาจและปกครองตัวเอง และชมรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือตอนล่าง จัดเสวนาทางออกวิกฤตการเมืองไทย เสนอรัฐบาลต้องยุบสภา ขณะที่ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาลยุบสภาภายใน 3 เดือน พร้อมให้รัฐสภาเร่งแก้รัฐธรรมนูญส่วนที่เป็นปัญหา สร้างกติกาเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มรัฐธรรมนูญ 40 เชียงใหม่ สำนักกระจายอำนาจและปกครองตัวเอง และชมรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือตอนล่าง จัดการเสวนาในหัวข้อ “ยุบสภา:ทางออกวิกฤตการเมืองไทย”
โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ นายชำนาญ จันทร์เรือง และ นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เข้าร่วมเป็นวิทยากร ซึ่งเนื้อหาหลักในการเสวนานั้น รายงานข่าวระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการเสนอให้รัฐบาลยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตย และให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ออกไปจากการเมืองที่ตีบตัน โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมการเมืองไทยในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การเผชิญหน้าและการกดดันด้วยวิถีทางต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักดันทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างทัดเทียม
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างทางการเมืองเพื่อรองรับสัมพันธภาพทางอำนาจแบบใหม่ ซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ทำให้กระบวนการปรับตัวอย่างสันติในระบอบประชาธิปไตยยุติลงอันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและเข้มข้นสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรงกับผู้คนโดยเฉพาะคนชั้นล่างอันเป็นรากฐานสำคัญของความขัดแย้งการเมืองในปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมืองเกิดขึ้นก็ยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไป
เพื่อที่จะเปิดทางให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบการเมือง การลดความเข้มข้นของความขัดแย้งในปัจจุบันลงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องสร้างเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำเอาทุกฝ่ายกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางการเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอให้สังคมร่วมกันกดดันองค์กรและสถาบันต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นของการก้าวออกไปจากการเมืองไทยที่ตีบตัน
ประการแรก รัฐบาลต้องประกาศการยุบสภาภายในระยะเวลา 3 เดือน ประการที่สอง รัฐสภาต้องผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าให้แล้วเสร็จภายในห้วงระยะเวลานี้ เพื่อให้เกิดกติกาของการเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน ประการที่สาม พรรคการเมืองต้องเจรจา เพื่อให้เกิดการยอมรับวิถีทางพื้นฐานของการเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้มีการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางในทุกพื้นที่ ประการที่สี่ ภายหลังการเลือกตั้งต้องยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปภายใต้ระบบของประชาธิปไตย ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ
ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้มิใช่เป็นสิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการอันใดอันหนึ่ง หากต้องหมายความรวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบและโครงสร้างอีกอย่างกว้างขวางที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป การแสวงหาจุดเริ่มต้นเพื่อดึงทุกฝ่ายเข้ามาในการแก้ไขปัญหานี้จะทำให้สามารถมองเห็นทางออกของความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนี้ได้ พึงต้องตระหนักว่ายังมีความยุ่งยากอีกหลายประการที่จะต้องมีการถกเถียง แลกเปลี่ยน กดดัน ต่อรอง กันอีกมากในวันข้างหน้า
การไม่ไยดีต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองดังที่เป็นอยู่ทั้งจากรัฐบาลและสังคมไทย จะมีความหมายถึงการทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่ต่อไป และอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงทางการเมืองให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มรัฐธรรมนูญ 40 เชียงใหม่ สำนักกระจายอำนาจและปกครองตัวเอง และชมรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือตอนล่าง จัดการเสวนาในหัวข้อ “ยุบสภา:ทางออกวิกฤตการเมืองไทย”
โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ นายชำนาญ จันทร์เรือง และ นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เข้าร่วมเป็นวิทยากร ซึ่งเนื้อหาหลักในการเสวนานั้น รายงานข่าวระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการเสนอให้รัฐบาลยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตย และให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ออกไปจากการเมืองที่ตีบตัน โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมการเมืองไทยในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การเผชิญหน้าและการกดดันด้วยวิถีทางต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักดันทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างทัดเทียม
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างทางการเมืองเพื่อรองรับสัมพันธภาพทางอำนาจแบบใหม่ ซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ทำให้กระบวนการปรับตัวอย่างสันติในระบอบประชาธิปไตยยุติลงอันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและเข้มข้นสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรงกับผู้คนโดยเฉพาะคนชั้นล่างอันเป็นรากฐานสำคัญของความขัดแย้งการเมืองในปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมืองเกิดขึ้นก็ยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไป
เพื่อที่จะเปิดทางให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบการเมือง การลดความเข้มข้นของความขัดแย้งในปัจจุบันลงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องสร้างเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำเอาทุกฝ่ายกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางการเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอให้สังคมร่วมกันกดดันองค์กรและสถาบันต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นของการก้าวออกไปจากการเมืองไทยที่ตีบตัน
ประการแรก รัฐบาลต้องประกาศการยุบสภาภายในระยะเวลา 3 เดือน ประการที่สอง รัฐสภาต้องผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าให้แล้วเสร็จภายในห้วงระยะเวลานี้ เพื่อให้เกิดกติกาของการเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน ประการที่สาม พรรคการเมืองต้องเจรจา เพื่อให้เกิดการยอมรับวิถีทางพื้นฐานของการเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้มีการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางในทุกพื้นที่ ประการที่สี่ ภายหลังการเลือกตั้งต้องยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปภายใต้ระบบของประชาธิปไตย ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ
ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้มิใช่เป็นสิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการอันใดอันหนึ่ง หากต้องหมายความรวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบและโครงสร้างอีกอย่างกว้างขวางที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป การแสวงหาจุดเริ่มต้นเพื่อดึงทุกฝ่ายเข้ามาในการแก้ไขปัญหานี้จะทำให้สามารถมองเห็นทางออกของความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนี้ได้ พึงต้องตระหนักว่ายังมีความยุ่งยากอีกหลายประการที่จะต้องมีการถกเถียง แลกเปลี่ยน กดดัน ต่อรอง กันอีกมากในวันข้างหน้า
การไม่ไยดีต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองดังที่เป็นอยู่ทั้งจากรัฐบาลและสังคมไทย จะมีความหมายถึงการทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่ต่อไป และอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงทางการเมืองให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง