ปลาไหลโผล่ง้างปาก เย้ยเปิดสภาแค่ปาหี่ซื้อเวลา ละเมอวอนทุกฝ่ายหยิบข้อเสนอ “กก.สมานฉันท์” แก้ รธน.6 ประเด็น เชื่อ สำเร็จโทษวิกฤตความขัดแย้งได้ อ้างมีประตูเล็กแก้ 2 ประเด็นเบื้องต้น จี้ นายกฯแก้กติกาให้เป็นน่าพอใจ เย้ย กสม.กาวใจไม่สำเร็จ
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรค ชทพ. แถลงถึงกรณีข้อเสนอให้เปิดประชุมสภาเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 171 และ 161 ของรัฐธรรมนูญ ว่า พรรค ชทพ.เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ แต่ขอตั้งข้อสังเกตถึงการเปิดอภิปรายทั่วไป ว่า ไม่ใช่การเปิดครั้งแรก แต่เคยเปิดมาแล้ว โดยไม่แน่ใจจะได้ประโยชน์เพราะเกรงว่าจะเป็นเวทีการซื้อเวลาระบายอารมณ์ล้างปากของแต่ละฝ่ายทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน ดังนั้น พรรค ชทพ.ขอเสนอโดยย้ำถึงข้อเสนอของ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชทพ.ที่ได้ประชุมกับนายกฯพร้อมพรรคร่วมรัฐบาลโดยพรรค ชทพ.ได้เสนอต่อที่ประชุมครั้งนั้น โดยมองว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นแค่ปลายเหตุของวิกฤตการเมือง ฉะนั้น การยุบสภาไม่ใช่ทางออกตราบใดที่ยังมีความขัดแย้งทางการเมืองระดับสูงอยู่
“พรรค ชทพ.ขอเสนอให้นำผลสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นที่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวตั้งเพื่อแก้วิกฤตการเมือง และขอเสนอให้ทุกฝ่ายที่จะเปิดประชุมสภานั้นอยากให้หยิบยกข้อเสนอแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯนำมาปฏิบัติ เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯถูกปิดประตูตายจาก 3 ประตู คือ 1.พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะต้องการหยิบรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ 2.ข้อเสนอของพรรค ชทพ.และพรรคร่วมที่ขอให้แก้ไข 2 ประเด็นได้ถูกปิดตายไปแล้วในทางพฤตินัย เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคประชาธิปัตย์ และ 3.พรรคประชาธิปัตย์ได้ปฏิเสธการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกประเด็นโดยสิ้นเชิงแล้ว” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวว่า พรรค ชทพ.จึงเสนอมาโดยตลอดว่า ให้รีบแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเคยพูดเสมอว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ หากไม่เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นวันนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ หากลำพังเพียง 25 เสียงของพรรค ชทพ.จะไม่มีพลังพอที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ด้วยตัวเอง
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ตอบรับข้อเสนอพรรค ชทพ.จะมีมาตรการอย่างไรต่อไป นายวัชระ กล่าวว่า ประตูที่ปิด 3 ประตู เรามีประตูเล็กซึ่งเป็นข้อเสนอของพรรค ชทพ.และพรรคร่วมแก้รัฐธรรมนูญเบื้องต้น 2 ประเด็นซึ่งอยู่ในสภา เราขอย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็นนี้ ในฐานะที่เข้าร่วมประชุมกับแกนนำพรรคทุกครั้งว่าการแก้ไข 2 ประเด็นของพรรค ชทพ.เราเอาจริง และยังยึดมั่นแม้จะยากมากที่จะโน้มน้าว ส.ว.พรรคฝ่ายค้านให้มีเสียงเพียงพอ แต่เราก็จะเดินหน้าในส่วนนี้ต่อไป และพรรคชทพ.ขอเรียกร้องผ่านพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคหาจุดร่วมกันเสียทีว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้ เบื้องต้นพรรคจะดัน 2 มาตราในกติกาการเลือกตั้งไปก่อน
“นายกรัฐมนตรีต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่า จะเอาอย่างไรต่อและต้องปฏิบัติ เพราะวันนี้ถ้าสามารถที่จะยุติการชุมนุมได้และมีแนวโน้มจะยุติ อย่างน้อย 2 ประเด็นก็สอดคล้องกับเงื่อนไขการยุบสภาของนายกฯ และกติกาการเลือกตั้ง ก็ยังไม่เหมาะสมดังนั้นควรแก้ให้เหมาะสมขึ้น เพื่อให้ฝ่ายการเมืองพอใจและยอมรับกติกา และปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเสื้อแดงสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นเชื่อว่าหากทุกอย่างแก้กันในสภาที่สุดแล้ว ถ้ามีเงื่อนไขที่ดีพอต่อให้คนเสื้อแดง ที่อาจไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพรรคเพื่อไทย ก็จะไม่มีเงื่อนไขในการชุมนุม และเชื่อว่าคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยจะยอม” นายวัชระ กล่าว
เมื่อถามว่า คนเสื้อแดงต้องการยุบสภาข้อเสนอของพรรค ชทพ.จะแก้ปัญหาการชุมนุมได้อย่างไร นายวัชระ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นคนเสื้อแดงก็ต้องตั้งโจทย์ เพื่อรักษามวลชน แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือการเปิดประชุมร่วมของสภา เป็นแค่ทางออกของเสื้อแดงและรัฐบาลที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเสียหน้า ตนไม่เชื่อว่า การประชุมสภา และการที่ กสม.เข้ามาเป็นตัวกลางจะมีความสำเร็จ แต่ความสำเร็จของ 2 วิธีการดังกล่าว น่าจะสำเร็จเบื้องต้นในแง่ 1.ซื้อเวลา 2.ทำให้แต่ละฝ่ายเย็นลง และ 3.เป็นทางออกที่สวยงามทั้งรัฐบาลและเสื้อแดง ดังนั้นไม่มีใครบีบใครให้อีกฝ่ายจนมุมได้ ดังนั้น หากรัฐบาลไม่ถอดสลักปัญหาความขัดแย้งจากการชุมนุมจะไม่จบ
