สกลนคร - 2 ครูสามี-ภรรยาชาวสกลนคร ข้องใจลูกชายเสียชีวิตปริศนาที่ห้องควบคุม สน.สุทธิสาร ร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายที่เป็นดีเจดัง ล่าสุดนำศพกลับไปฝังในป่าช้าที่บ้านเกิดสกลนคร พ่อแม่เผยลูกชายเป็นคนดี เคยเป็นแชมป์ดีเจ ปี 47 ข้องใจอยากให้ "หมอพรทิพย์" ผ่าพิสูจน์
วันนี้ (12 ก.พ.53) ผู้สื่อข่าวจังหวัดสกลนครได้รับการร้องเรียนทางโทรศัพท์เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ “ดีเจหนุ่ม” นายชัชพงศ์ จันทร์เกตุ อายุ 30 ปี ซึ่งเสียชีวิตบนห้องขัง สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 8 ก.พ.53 และถูกนำศพมาทำพิธีทางศาสนา จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่ป่าช้าบ้านนาล้อม หมู่ 7 ต.ต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร โดยญาติและเพื่อนๆจำนวนมาก กำลังทำพิธีฝังศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า
นายโพธิ์ชัย - นางเสงี่ยม จันทร์เกตุ พ่อแม่นายชัชพงศ์ กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน คนโตและคนรองเป็นหญิง ผู้ตายเป็นคนสุดท้อง จบการศึกษาชั้น ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร ในปี 2541 หน่องเป็นผู้ที่มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นผู้มีอุปนิสัยร่าเริง มีอัธยาศัยดี และมีพรสวรรค์ในการใช้คำพูดกับผู้อื่นเสมอ
กระทั่งได้มีโอกาสเข้าศึกษาเป็นดีเจ และประสบความสำเร็จ ในระยะหลังๆ หน่องได้เป็นดีเจ ประจำผับในย่าน อาร์ ซี เอ และเมื่อปี 2547 ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดดีเจของประเทศไทย และที่เป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดก็คือ หน่องได้รับรางวัลรองแชมป์ดีเจ แห่งเอเชีย จนบริษัทเจนเอ็ก อคาเดมี่ ได้ว่าจ้างให้เป็นครูสอนดีเจ มาจนถึงปัจจุบัน
โดยบ่ายวันที่ 8 ก.พ.53 พี่สาวของนายชัชพงศ์ ได้โทรศัพท์มาบอกกับพ่อแม่ว่าให้ไปรับศพหน่องที่สถานีตำรวจสุทธิสาร เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีผู้แจ้งว่า มีชายอาการคุ้มคลั่งคล้ายกับคนเมายา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวและนำตัวไปคุมขังไว้ที่สถานีตำรวจสุทธิสารในช่วงเที่ยงของวันที่ 8 ก.พ.53
กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันเดียวกัน นายชัชพงศ์หรือหน่อง ได้ช๊อคหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางสำนักงานนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ได้ลงความคิดเห็นว่าขาดอากาศหายใจจากการถูกปิดกั้นทางเดินหายใจ จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานทราบว่า นายชัชพงศ์ ได้โทรศัพท์มาเล่าว่าตอนนี้ตนได้มีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาว และยังบ่นว่าช่วงนี้มีงานน้อยลงทำให้มีรายได้ลดลงอีกด้วย
ศพนำกลับมาถึงเมื่อคืนนี้ วันที่ 10 ก.พ.53 ตอน 3 ทุ่ม ผมอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ผมจะขอฝังศพลูกไว้ก่อน และอยากขอให้หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ มาผ่าพิสูจน์อีกครั้ง เพราะตนไม่เชื่อว่าลูกจะเป็นคนเกเร อัพยา ข่าวที่เป็นข่าว ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่ให้ความเป็นธรรมเลย และก่อนวันเสียชีวิตประมาณบ่ายสามโมงตนได้โทรไปสอบถามลูกชายว่าทำอะไรอยู่ โดยลูกชายยังได้บอกว่ากำลังสอนนักเรียนอยู่
ตนไม่คิดเลยว่าวันต่อมาจะได้รับข่าวร้ายเช่นนี้ ตนขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย แต่ก็ไม่ติดใจเอาความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อยากรู้ความจริงถึงสาเหตุก่อนตาย เพราะจากการบอกกล่าวของบุตรสาวที่ไปดูศพน้องชายที่โรงพยาบาลนิติเวชวิทยา พบว่ามีร่องรอยบาดแผลและฟกช้ำตามศีรษะและร่างกายหลายจุด จึงอยากทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เกิดจากการถูกทำร้ายหรือว่าการทำร้ายตนเอง