สาวใหญ่แจ้งความหมอ รพ.เอกชนชื่อดัง ให้ยายับยั้งการคลอด หลังเกิดอาการปวดท้อง ปากมดลูกเปิด กระทั่งอัลตราซาวนด์อีกครั้งจึงรู้ว่าทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว จนต้องผ่าท้องเอาศพออก ด้านหมอเจ้าของไข้อ้างเด็กตายเพราะสายสะดือพับ เตรียมส่งสถาบันนิติฯพิสูจน์สาเหตุการตายอีกครั้ง
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสิริลักษณ์ ปลั่งกลาง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่บ้านกมลวรรณ ซอยคู้บอน 20 ถ.รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว ว่าได้ตั้งครรภ์มานานกว่า 35 สัปดาห์ จนเจ็บท้องคลอด แต่แพทย์ของโรงพยาบาลนวมินทร์ฉีดยายับยั้งการคลอดไว้จนลูกเสียชีวิต ซึ่งแพทย์เจ้าของไข้ระบุว่าเสียชีวิตเพราะสายสะดือพับจนขาดอากาศหายใจ แต่สงสัยว่าลูกจะเสียชีวิตเพราะยายับยั้งการคลอดที่ฉีดเข้าไปมากกว่า จึงเดินทางไปตรวจสอบบ ก็พบนางสิริลักษณ์ กับนายสมบัติ แจ่มน้อย อายุ 41 ปี สามี อยู่อาการโศกเศร้าเสียใจอย่างหนัก เนื่องจากเพิ่งเสียลูกชายไป
นางสิริลักษณ์เปิดเผยว่า ตนอยู่กินกับนายสมบัติ แจ่มน้อย อายุ 41 ปี ผู้เป็นสามีมาจนมีลูกเป็นคนที่ 3 แล้ว โดยตั้งแต่ตั้งครรภ์มาได้ 2 เดือน ก็ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลนวมินทร์ กับ นพ.ลาน เกิดผล มาตลอด มีการอัลตราซาวนด์เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งลูกชายก็แข็งแรงดี จนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาตนเกิดอาการเจ็บท้องอย่างมาก ปากมดลูกเปิด 2 ซม. จึงให้สามีพามาโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงพยาบาลก็ได้โทรศัพท์ปรึกษากับ นพ.ลาน เจ้าของไข้ตน จนพยาบาลเป็นคนมาฉีดยายับยั้งการคลอดให้ เนื่องจาก นพ.ลาน เห็นว่าอายุครรภ์เพียงแค่ 35 สัปดาห์ยังน้อยอยู่ หากคลอดออกมาก็เกรงว่าเด็กจะไม่แข็งแรง
นางสิริลักษณ์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 2 คืน ซึ่งช่วงนั้นตนเริ่มรู้สึกว่าลูกไม่ดิ้นแล้ว จึงสอบถามพยาบาลไป แต่ก็ได้รับคำตอบว่าแม่หลับลูกก็หลับ พอกลับบ้านไปพักที่บ้านอีก 2 วัน ตนก็เริ่มมีอาการปากและคอแห้ง เจ็บคอ ปวดหัวอย่างมาก และลูกก็ยังไม่ดิ้นอยู่เช่นเดิม จึงกลับมาหาแพทย์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยแพทย์อีกคนก็ได้ให้ยาแก้อักเสบกับยาพาราเซตามอลกลับบ้านไปกิน
“หลังจากนั้นในวันที่ 5 ก.พ.ก็กลับมาพบ นพ.ลาน ที่โรงพยาบาลอีกครั้งตามนัดไว้ แต่พอมาถึง นพ.ลาน ก็ถามดิฉันว่าแม่กับเด็กสบายดีมั้ย ตนก็บอกว่าไม่สบาย ลูกไม่ดิ้นเลย เขาก็บอกว่าจะอัลตราซาวนด์ให้อีกครั้งแต่ไม่รู้ว่าเด็กจะยังอยู่หรือเปล่า นอกจากนี้ยังถามด้วยว่า เมื่อ 5-6 วันก่อนมาโรงพยาบาลทำไมตอนตี 2 ดิฉันก็แปลกใจ เพราะเขาเป็นคนโทร.คุยกับพยาบาล และสั่งให้ฉีดยายับยั้งการคลอดเอาไว้เอง พออัลตราซาวนด์เสร็จก็ปรากฏว่าเด็กเสียแล้ว” นางสิริลักษณ์กล่าว และว่า “นพ.ลาน บอกว่าเด็กเสียเพราะสายสะดือพับ ทำให้ขาดอากาศหายใจ จากนั้นเขาก็ถามดิฉันอีกว่าเด็กเสียแล้วจะทำยังไงดี ดิฉันก็ถามเขากลับไปว่า หมอจะทำยังไง เขาก็บอกว่าจะให้ผ่าออกหรือคลอดออก ดิฉันก็เลยตัดสินใจผ่าศพลูกออก จากนั้นก็ไปจ่ายเงิน 19,000 บาท แล้วก็ผ่าเอาศพลูกออกมา”
นางสิริลักษณ์กล่าวอีกว่า หลังจากผ่าศพลูกออกมาแล้วก็นำศพลูกฝากไว้ที่ห้องเก็บศพ ต้องเสียค่าใช้จ่ายวันละ 500 บาท ซึ่งทางโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากตนวันต่อวัน แต่สามีบอกว่าไว้ออกจากโรงพยาบาลก่อนจึงจะจ่ายให้ นอกจากนี้ นพ.ลาน ก็ถามตนว่าไม่คิดจะถามอะไรหมอเลยหรือ ไม่คิดจะให้ช่วยอะไรเลยหรือ ซึ่งตนก็เงียบไม่ตอบ แต่ในใจกำลังคิดว่าจะทำอย่างไร หลังจากนั้น นพ.ลาน ก็เริ่มไม่กล้าสบตาสามี ช่วงหลังเข้ามาพูดคุยกับตนแค่คำสองคำแล้วก็ออกจากห้องไป
นางสิริลักษณ์กล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลก็ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ตนกับสามีคิดเหมือนกันว่าลูกน่าจะเสียชีวิตจากยายับยั้งการคลอดมากกว่าสายสะดือพับจนลูกขาดอากาศหายใจ เพราะหลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว ตนก็มีอาการแย่ด้วย จึงตั้งใจจะมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวดีกว่า นอกจากนี้ก็ได้ติดต่อทางสภาทนายความไว้แล้ว โดยทางสภาทนายความบอกว่าจะให้ส่งศพลูกตนไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง โดยหากผลการชันสูตรศพออกมาว่าลูกเสียชีวิตเพราะยาที่ฉีดยับยั้งการคลอด ก็จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเวลา 14.30 น. นายสมบัติ แจ่มน้อย สามีนางสิริลักษณ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธนู สุขเสริม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.มีนบุรี เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องให้ทางแพทยสภาเป็นผู้ตรวจสอบสาเหตุของการเสียชีวิตของเด็กต่อไป