ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดสัมมนาเตรียมความพร้อมรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ชี้ภูมิภาคตะวันออกมีศักยภาพหลากหลายส่งผลให้เป็นพื้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนพลังประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดสัมมนาเรื่อง “ภาคตะวันออก : ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางอุตสาหกรรม สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน”
โดยมี ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม ท่ามกลางผู้เข้าร่วมซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหารสถานศึกษา และประชาชนในจังหวัดชลบุรีจาก 5 สาขาภายใต้กรอบการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนประกอบด้วย ธุรกิจประมง, บริการการโทรคมนาคม, บริการธุรกิจ, บริการขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงการบริการด้านสิ่งแวดล้อม
นายสุภัฒ สงวนดีกุล ผู้อำนวยการสำนักอาเซียน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลว่า ไทยได้จัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ร่วมกับภูมิภาคและประเทศต่างๆ โดยในส่วนของภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกันในการประชุมสุดยอดผุ้นำอาเซียน ครั้งที่ 4 ประมาณเดือนมกราคม 2535
โดยการบริหารประเทศของนายอานันท์ ปันยารชุน นากยกรัฐมนตรีในสัมยนั้นภายใต้กรอบ AFTA (ASEAN Free Trade Area) หรือกรอบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน และในการประชุมสุดยอดผุ้นำอาเซียนครั้งที่ 13 เมื่อปี 2550 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามปฏิญญาว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ Declaration on the ASEAN Economic Community Blueprint) ซึ่งมีผลผูกพันทางกฎหมายให้การจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) มีผลเป็นรูปธรรมภายในปี 2558 เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้า การบริการ การลงทุน และแรงงานฝีมือในภูมิภาคเป็นไปโดยเสรีและมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเสรีมากขึ้นด้วย
ด้าน ดร.ณรงค์ชัย กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันตามขีดความสามารถของแต่ละแห่ง แต่ด้วยภาคตะวันออกของไทยเป็นภูมิภาคที่มีความพร้อมหลากหลายด้าน ทั้งท่าเรือน้ำลึกที่ใกล้กรุงเทพมหานครฯ, แรงงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก, พื้นที่ใกล้แหล่งก๊าซธรรมชาติ, มีพื้นที่ทางการเกษตร และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย จะเป็นพลังสำคัญของ Eastern Sea Board
จากความพร้อมดังกล่าวแนวโน้มในอนาคตประเทศไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน และเมื่อมองปัจจัยด้านอื่นๆ แล้วภูมิภาคตะวันออกจะได้ประโยชน์อีกมหาศาลจากการเปิด AEC เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากความมุ่งหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคก่อนอาศัยปัจจัยการผลิตและบริการเคลื่อนย้ายเสรี ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตและบริการอาเซียนที่สูงขึ้น อันจะส่งผลให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเอเชียได้ในระดับเอเชียต่อไป
การสัมมนาในครั้งนี้นอกจากเป้นการให้ความรู้ในการเตรียมความพร้อมรับการเติบโตของภูมิภาคแล้ว ยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงานจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้สาธารณชนทุกภาคส่วนได้รับทราบอย่างถูกต้องโดยจัดสัมมนาทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคตามจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังเป็นการทำความเข้าใจในผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเป้นการรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะจากผู้ร่วมกิจกรรมเพื่อนำไปประกอบเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการดำเนินนโยบายหรือมาตรการรองรับผลกระทบ รวมถึงแก้ไขหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยเช่นกัน