ปธ.สภาหอการค้า เตรียมพร้อมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียน 26-27 ต.ค.นี้ เปิดโอกาสภาคเอกชนไทยขยายการค้า-การลงทุนเพิ่ม โดยเสาหลัก 3 ประการ ที่เป็นแนวทางในการดำเนินงาน คือ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม พร้อมยกบทบาทภาคเอกชนเผ็นผู้นำทางเศรษฐกิจในฐานะศูนย์กลางของการเติบโตของเอเชีย
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการ Board of Trustees สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียน ASEAN Business Forum 2009 ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2552 นี้ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี โดยระบุว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่า มีความสำคัญมากต่อภาคเอกชนไทยในช่วงรอยต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจและภาคเอกชนของไทย รวมถึงประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนได้แลกเปลี่ยนข้อมูล และเตรียมความพร้อมหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่หัวหิน
สำหรับประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ การเตรียมการสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้หรือกลุ่มอาเซียน โดยเสาหลัก 3 ประการ ที่เป็นแนวทางในการดำเนินงาน คือ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ในส่วนของภาคเอกชน ประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรง คือ การรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community
ขณะเดียวกัน การจัดการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนครั้งนี้ ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้แลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องของศักยภาพ และโอกาสของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จากผู้ลงทุนภายนอกภูมิภาค อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ และนักธุรกิจในภูมิภาคเดียวกัน ตลอดจนการสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญของภาคเอกชนภายในกลุ่มอาเซียนในฐานะศูนย์กลางของการเติบโต
โดยนักธุรกิจจะต้องเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสมและประสานกันเพื่อรับมือกับนโยบายการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของอาเซียน เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจภาคเอกชน ตลอดจนการจ้างงาน การฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสนับสนุนเสถียรภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจมหภาคในระยะยาว
ด้าน นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำระดับแนวหน้าของประเทศต่าง ๆ ทั้งในอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ที่ให้ความสนใจในการที่จะเข้ามาลงทุน ค้าขาย หรือทำธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการ Board of Trustees สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียน ASEAN Business Forum 2009 ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2552 นี้ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี โดยระบุว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่า มีความสำคัญมากต่อภาคเอกชนไทยในช่วงรอยต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจและภาคเอกชนของไทย รวมถึงประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนได้แลกเปลี่ยนข้อมูล และเตรียมความพร้อมหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่หัวหิน
สำหรับประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ การเตรียมการสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้หรือกลุ่มอาเซียน โดยเสาหลัก 3 ประการ ที่เป็นแนวทางในการดำเนินงาน คือ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ในส่วนของภาคเอกชน ประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรง คือ การรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community
ขณะเดียวกัน การจัดการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนครั้งนี้ ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้แลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องของศักยภาพ และโอกาสของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จากผู้ลงทุนภายนอกภูมิภาค อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ และนักธุรกิจในภูมิภาคเดียวกัน ตลอดจนการสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญของภาคเอกชนภายในกลุ่มอาเซียนในฐานะศูนย์กลางของการเติบโต
โดยนักธุรกิจจะต้องเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสมและประสานกันเพื่อรับมือกับนโยบายการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของอาเซียน เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจภาคเอกชน ตลอดจนการจ้างงาน การฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสนับสนุนเสถียรภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจมหภาคในระยะยาว
ด้าน นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำระดับแนวหน้าของประเทศต่าง ๆ ทั้งในอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ที่ให้ความสนใจในการที่จะเข้ามาลงทุน ค้าขาย หรือทำธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน
