อุบลราชธานี-“อภิสิทธิ์”ย้ำสมัชชาคนจน พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และมอบเงินให้ยายไฮ ขันจันทา พร้อมทายาทผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนห้วยละห้าอีก 2 ราย เป็นเงิน 4.9 ล้านบาท หลังนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาก่อกวนหวิดปะทะ สคจ.
วันนี้ (10 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่สนามหญ้าโรงเรียนบ้านวังสะแบง ต.หนองแสงใหญ่ อ.โขงเจียม แล้วเดินทางด้วยรถยนต์ระยะทางประมาณ 1 กม.มาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน บ้านน้ำสร้าง ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร
เมื่อมาถึง นางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจน ได้นำนายอภิสิทธิ์เข้าคารวะอนุเสาวรีย์คนจน ก่อนเดินชมพิพิทธภัณฑ์การต่อสู้ที่ผ่านมาของกลุ่มสมัชชาคนจน พร้อมขึ้นไปบนลานประชุมชั้นบนรับพิธีบายศรีสู่ขวัญ และพบปะกับตัวแทนชาวบ้านปากมูลรับฟังปัญหาของกลุ่มสมัชชาคนจน โดยนายสวาท อุปฮาด แกนนำได้สอบถามความคืบหน้าหลังนายอภิสิทธิ์ให้กลุ่มสมัชชาคนจนเข้าพบเมื่อวันที่ 16 ก.พ. เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล และวันที่ 5 มิ.ย.นายอภิสิทธิ์มีการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทำเนียบรัฐบาลไปประดับหนึ่ง แต่หลังจากนั้นยังไม่มีการหารือเพิ่มเติม ทำให้ผลการแก้ไขปัญหาล่าช้า
ปัจจุบันปัญหาของกลุ่มสมัชชาคนจนได้รับการแก้ปัญหามีเพียงเรื่องเดียวคือ กรณีเขื่อนห้วยละห้า ซึ่ง ครม.อนุมัติจ่ายเงินชดเชยการเสียโอกาสให้นางไฮ ขันจันทา และพวกรวม 3 ราย นายสวาท จึงได้เรียกร้องรีบนัดหมายเจรจากับสมัชชาคนจนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยุติทุกกรณีปัญหาที่เกิดจากโครงการพัฒนาของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านสมัชชาคนจน และให้การเจรจาทุกครั้ง ต้องได้ข้อยุติหรือมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับเรื่องใดที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะทำงานจนได้ข้อยุติ ต้องรีบนำเข้า ครม.เพื่อเห็นชอบและสั่งการให้หน่วยงานรีบปัญหาตามนโยบายการแก้ปัญหาทันที โดยกลุ่มสมัชชาคนจนเสนอให้รัฐบาลจัดการแก้ปัญหาที่เสนอให้รัฐบาลทราบทั้งหมดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2552
หลังทราบข้อเสนอ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวกับชาวบ้านสมัชชาคนจน ไม่ใช่รัฐบาลไม่สนใจและไม่ติดตามความคืบหน้า แต่บางเรื่องไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรองรับให้รัฐบาลทำได้ทันที จึงมีการประชุมหารือหาทางออกให้แต่ละปัญหาที่เห็นชัดเจนแล้วคือ โครงการโฉนดชุมชนมีความคืบหน้าไปมาก เช่นเดียวกับกรณีนางไฮ ขันจันทา และเพื่อนบ้านที่ ครม.สั่งจ่ายค่าชดเชย เพราะมีระเบียบและขั้นตอนสามารถปฏิบัติได้ทันที่ จึงขอให้กลุ่มสมัชชาคนจนเข้าใจว่า ปัญหาที่รัฐบาลรับมาทั้งเรื่องปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีกว่า 100 เรื่อง มีความพยายามแก้ไขโดยตลอด และมีความคืบหน้าตามลำดับ แต่บางเรื่องมีขั้นตอนมาก ต้องใช้เวลา
“สำหรับกรณีปัญหาสมัชชาคนจน ที่จะได้คุยกันครั้งต่อไป ได้กำหนดไว้แล้วคืออีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และเรื่องใดที่ตนสามารถลงมาพูดคุยได้ด้วย ก็จะลงมาคุยด้วยตนเอง แต่ถ้าไม่มีเวลาก็จะมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือหน่วยงานเจ้าของเรื่องมาพูดคุยแทน แต่ทุกเรื่องตนจะรับทราบหมด เพราะมีการรายงานความคืบหน้าให้ตนทราบเป็นระยะ”
หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ได้บันทึกเทปรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ โดยให้สื่อมวลชนท้องถิ่นสอบถามปัญหา ซึ่งมีเรื่องการแก้ไขปัญหาการระบาดยาเสพติดและการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องปัญหาน้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานีซ้ำซาก ปัญหาผลผลิตเกษตรกรไม่ได้ราคาและยังมีการทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ตอบถึงการแก้ปัญหายาเสพติด มีการทำโครงการ 5 รั้ว เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาด และรัฐบาลมุ่งทลายแหล่งค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คือ อยู่ในคุก ทำให้สามารถจับตัวการและหยุดการระบาดยาเสพติด โดยไม่ต้องใช้วิธีฆ่าคน
ส่วนการค้ามนุษย์ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เพื่อนำแรงงานเข้าสู่ระบบ และภายในเดือน ก.พ.2553 ถ้าแรงงานใดที่อยู่นอกระบบจะถูกกวาดล้างทั้งหมด ด้านการแก้ปัญหาน้ำท่วมในภาคอีสาน ซึ่งประสบปัญหาทั้งน้ำน้อยในหน้าแล้ง และน้ำมากในฤดูฝน ได้วางโครงการบริหารจัดการน้ำให้เกิดความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
โดยจะนำนโยบายแก้มลิงมาใช้แก้ปัญหาเป็นหลัก ส่วนราคาพืชผลตกต่ำก็มีโครงการประกันราคาสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรผู้ผลิตไม่ขาดทุน และอนาคตจะทำประกันความเสียหายด้านผลผลิตให้เกษตรกรด้วย
หลังเสร็จการบันทึกรายการเชื่อมั่นประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ได้มอบเช็คจำนวน 1.2 ล้านบาท ให้นางไฮ ขันจันทา และทายาทของนายฟอง ขันจันทา ทายาทนายเสือ พันธุ์คำ ตามลำดับรวมเป็นมูลค่ากว่า 4.9 ล้านบาท และได้เดินทางกลับไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปเยี่ยมประชาชนที่ จ.อำนาจเจริญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอภิสิทธิ์เดินทางกลับไปได้ประมาณ 15 นาที กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนธิกำลังระหว่างมวลชน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ประมาณ 500 คน เดินทางด้วยโดยสารสองแถว รถกระบะประมาณ 50 คัน ได้ปิดล้อมด้านหน้าศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน ซึ่งภายในมีกลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจนยังชุมนุมกันอยู่ประมาณ 1,000 คน พร้อมเปิดปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์และกล่าวยั่วยุกลุ่มสมัชชาคนจนที่ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดประตูทางเข้าศูนย์
ขณะเดียวกัน นายบุญมี หวังผล แกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจนได้ขึ้นประกาศบนเวทีขอให้ชาวบ้านสมัชชาคนจนอยู่ในที่ตั้ง ห้ามออกไปต่อล้อต่อเถียงกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะสมัชชาคนจนยึดมั่นแนวทางการต่อสู้แบบสันติไม่ใช้กำลัง แต่ได้เตือนกลุ่มเสื้อแดงให้แสดงออกอยู่ในกรอบของกฏกติกา อย่าลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของกลุ่มสมัชชาคนจนเป็นอันขาด เพราะอาจเกิดกระทบกระทั่งกันระหว่างพี่น้องชาวอีสานด้วยกัน
ต่อมากลุ่มเสื้อแดงได้นำโลงศพนายอภิสิทธิ์ลงมาเผา พร้อมใช้ขวดน้ำ ก้อนอิฐ ดิน ปาเข้าใส่ป้ายต้อนรับที่มีภาพของนายอภิสิทธิ์ พร้อมตะโก่ด่าทอรูปนายอภิสิทธิ์อย่างหยาบคาย สร้างความอึดอัดให้กับกลุ่มสมัชชาคนจนที่อยู่ในศูนย์ฯ แกนนำสมัชชาคนจน จึงประกาศย้ำและขอร้องกลุ่มเสื้อแดงอย่าแสดงท่าทียั่วยุอีก ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามขึ้น
แกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้ประกาศให้มวลชนสลายตัวถอนกำลังออกจากศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเดินทางกลับ โดยใช้เวลาประท้วงอยู่ประมาณ 30 นาที