กาฬสินธุ์ - ระดับน้ำในเขื่อนลำปาวยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีน้ำไหลหลากจาก จ.อุดรธานี เข้าสู่ตัวอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก ขณะที่เขื่อนลำปาวยังคงพร่องน้ำออกจากตัวอ่างมากถึง 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้านจังหวัดกาฬสินธุ์สั่งการเตรียมรับมืออุทกภัยในพื้นที่ลุ่มเสี่ยงภัย 5 อำเภอ พร้อมเตรียมการอพยพกรณีฉุกเฉิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัย จ.กาฬสินธุ์ ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีน้ำไหลหลากเข้ามายังพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จำนวนมาก โดยเขื่อนลำปาวถึงแม้ว่าจะยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่ากว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างได้สร้างความหวาดวิตกเกี่ยวกับสภาพความมั่นคงของตัวเขื่อน และจากการพร่องน้ำออกจากตัวเขื่อนมากในช่วงนี้ทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม 5 อำเภอ น้ำเริ่มไหลหลากเข้าพื้นที่การเกษตรของประชาชนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จังหวัดกาฬสินธุ์ได้แจ้งข่าวไปยังหอกระจายข่าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ประกาศแจ้งเตือนภัยจากน้ำท่วมฉับพลันน้ำล้นตลิ่ง พร้อมให้เตรียมการณ์อพยพกรณีเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากกรณีเกิดฝนตกทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากอิทธิพลพายุกิสนา จังหวัดกาฬสินธุ์ นับว่าโชคดีเพราะอยู่ในส่วนหางของพายุพาดผ่านเท่านั้น ทำให้พืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวน่าจะมีผลผลิตมากกว่าทุกปี อย่างไรก็ตาม จังหวัดกาฬสินธุ์ได้มีการประชุมคณะทำงานเตรียมรับอุทกภัยไว้พร้อมทุกด้าน และให้รายงานสถานการณ์ตลอดเวลา
จากรายงานสถานการณ์ของเขื่อนลำปาวขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนร้อยละ 91 หรือประมาณ 1,292 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 1,430 ล้าน ลบ.ม.โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างประมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. และทางเขื่อนลำปาวมีการพร่องน้ำอยู่ที่ประมาณ 16 ล้าน ลบม.
สำหรับจุดเสี่ยงที่ทางจังหวัดสั่งการและให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ได้แก่ พื้นที่ตำบล หมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำปาว ลำน้ำชี ในเขตอำเภอยางตลาด กมลาไสย ฆ้องชัย ซึ่งเป็นพื้นที่เคยท่วมซ้ำซาก หากเกิดอุทกภัยฉับพลัน สามารถเคลื่อนย้ายช่วยเหลือทั้งคน สิ่งของ และสัตว์เลี้ยงได้ทันที
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีปริมาณฝนเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันคงไม่เกิดอุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ นอกเสียจากมีน้ำหนุนสูงขึ้นมาจากแม่น้ำมูล แม่น้ำชีตอนล่าง บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และมีการปล่อยน้ำชีจากชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ลงมาสมทบเหมือนทุกปี จึงจะเกิดน้ำท่วมในจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดจึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาเพื่อความไม่ประมาท
อย่างไรก็ตามจังหวัดกาฬสินธุ์ยังยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนลำปาวยังคงมีความแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะมีน้ำไหลหลากเข้ามาในตัวอ่างจำนวนมากก็ไม่กระทบกับความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนลำปาว และประชาชนก็ไม่ควรตื่นตระหนกมากไป ส่วนการพร่องน้ำออกจากตัวเขื่อนเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการน้ำ
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้พยายามพร่องน้ำออกจากตัวอ่างเก็บน้ำเพื่อป้องกันการสูญเสียจากน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่ชลประทานที่มีอยู่กว่า 300,000 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัย จ.กาฬสินธุ์ ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีน้ำไหลหลากเข้ามายังพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จำนวนมาก โดยเขื่อนลำปาวถึงแม้ว่าจะยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่ากว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างได้สร้างความหวาดวิตกเกี่ยวกับสภาพความมั่นคงของตัวเขื่อน และจากการพร่องน้ำออกจากตัวเขื่อนมากในช่วงนี้ทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม 5 อำเภอ น้ำเริ่มไหลหลากเข้าพื้นที่การเกษตรของประชาชนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จังหวัดกาฬสินธุ์ได้แจ้งข่าวไปยังหอกระจายข่าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ประกาศแจ้งเตือนภัยจากน้ำท่วมฉับพลันน้ำล้นตลิ่ง พร้อมให้เตรียมการณ์อพยพกรณีเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากกรณีเกิดฝนตกทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากอิทธิพลพายุกิสนา จังหวัดกาฬสินธุ์ นับว่าโชคดีเพราะอยู่ในส่วนหางของพายุพาดผ่านเท่านั้น ทำให้พืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวน่าจะมีผลผลิตมากกว่าทุกปี อย่างไรก็ตาม จังหวัดกาฬสินธุ์ได้มีการประชุมคณะทำงานเตรียมรับอุทกภัยไว้พร้อมทุกด้าน และให้รายงานสถานการณ์ตลอดเวลา
จากรายงานสถานการณ์ของเขื่อนลำปาวขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนร้อยละ 91 หรือประมาณ 1,292 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 1,430 ล้าน ลบ.ม.โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างประมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. และทางเขื่อนลำปาวมีการพร่องน้ำอยู่ที่ประมาณ 16 ล้าน ลบม.
สำหรับจุดเสี่ยงที่ทางจังหวัดสั่งการและให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ได้แก่ พื้นที่ตำบล หมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำปาว ลำน้ำชี ในเขตอำเภอยางตลาด กมลาไสย ฆ้องชัย ซึ่งเป็นพื้นที่เคยท่วมซ้ำซาก หากเกิดอุทกภัยฉับพลัน สามารถเคลื่อนย้ายช่วยเหลือทั้งคน สิ่งของ และสัตว์เลี้ยงได้ทันที
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีปริมาณฝนเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันคงไม่เกิดอุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ นอกเสียจากมีน้ำหนุนสูงขึ้นมาจากแม่น้ำมูล แม่น้ำชีตอนล่าง บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และมีการปล่อยน้ำชีจากชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ลงมาสมทบเหมือนทุกปี จึงจะเกิดน้ำท่วมในจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดจึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาเพื่อความไม่ประมาท
อย่างไรก็ตามจังหวัดกาฬสินธุ์ยังยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนลำปาวยังคงมีความแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะมีน้ำไหลหลากเข้ามาในตัวอ่างจำนวนมากก็ไม่กระทบกับความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนลำปาว และประชาชนก็ไม่ควรตื่นตระหนกมากไป ส่วนการพร่องน้ำออกจากตัวเขื่อนเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการน้ำ
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้พยายามพร่องน้ำออกจากตัวอ่างเก็บน้ำเพื่อป้องกันการสูญเสียจากน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่ชลประทานที่มีอยู่กว่า 300,000 ไร่
