บุรีรัมย์ – กรมทรัพยากรน้ำ จัดอบรมติวเข้ม 7 จว.อีสาน ที่ จ.บุรีรัมย์ เผยเร่งสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติในลุ่มน้ำมูลตอนกลางเพื่อเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน ป้องกันปัญหาน้ำเสียและวางแผนจัดการน้ำระยะยาว พร้อมตั้งเป้า 3 ปีทุ่มงบกว่า 1,000 ล้าน ติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำ ทุกลุ่มน้ำทั่วประเทศ
วันนี้ (5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทรัพยากรน้ำ ได้จัดอบรม “โครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลตอนกลาง” ที่ห้องประชุมโรงแรมเทพนคร อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยมีคณะกรรมการลุ่มน้ำระดับจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 จังหวัด ในเขตลุ่มน้ำมูลตอนกลาง เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และ จ.ขอนแก่น
โดยการประชุมในครั้งนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดการจัดทำโครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติ ในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลตอนกลางให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบ พร้อมทั้งรับฟังปัญหาสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปวางแผนจัดการทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำมูลทั้งระบบ
สำหรับการติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติดังกล่าว เพื่อใช้ในการตรวจวัดข้อมูล ประเมินสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลไปวางแผนการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดวิกฤติน้ำ และใช้พยากรณ์เตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งจะทำให้ลดความสูญเสียที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า โครงการติดตั้งระบบตรวจวัดถานภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติ ได้ดำเนินงานไปแล้วในลุ่มน้ำชี และ ลุ่มน้ำมูลบางส่วนและกำลังจะเร่งสำรวจติดตั้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำมูลตอนกลาง และลุ่มน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งหากสำรวจติดตั้งแล้วเสร็จจะเป็นเครือข่ายสถานี เพื่อบริหารจัดการน้ำและเตือนภัยจากลุ่มน้ำทั้งระบบ
โดยระบบดังกล่าวจะทำให้สามารถวางแผนบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ทั้งภัยแล้ง น้ำเสีย และยังเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันได้ล่วงหน้า 5 วัน ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนได้
“กรมทรัพยากรน้ำ มีเป้าหมายจะดำเนินการติดตั้งระบบตรวจวัดสถานภาพน้ำฯให้แล้วเสร็จทุกลุ่มน้ำทั่วประเทศภายใน 3 ปี ใช้งบประมาณในการติดตั้งระบบดังกล่าวกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากติดตั้งแล้วเสร็จทั้งระบบจะทำให้การบริหารจัดการน้ำและเตือนภัยจากลุ่มน้ำทั่วประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายสุพจน์ กล่าว