xs
xsm
sm
md
lg

สั่งจว.ใต้เขื่อนจับตา น้ำขึ้นให้อพยพทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (1 ต.ค.) นายอาณัติ พัฒนพิโดร ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 2 ลำปาง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ทำให้แหล่งเก็บน้ำมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ตนจึงกำชับให้สำนักชลประทานในพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน คือ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและให้เตรียมแผนบริหารจัดการน้ำไว้ล่วงหน้า หากเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำใดมีปริมาณน้ำกักเก็บมากก็ให้ผันน้ำออกทันที
สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำของเขื่อนและอ่างเก็บน้ำใน 4 จังหวัด 14 แห่งรวมทั้งสิ้น 167 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 77 ของความจุทั้งหมด 215 ล้านลูกบาศก์เมตร ล่าสุดเขื่อนกิ่วลม จ.ลำปางได้ผันน้ำออกให้อยู่ในระดับที่สามารถรับน้ำใหม่แล้ว เนื่องจากน้ำในเขื่อนมีปริมาณมากและอยู่ในระดับใกล้ความจุ เช่นเดียวกับเชียงรายและน่าน เริ่มผันน้ำออกในช่วงนี้เนื่องจากอ่างเก็บน้ำขนาดกลางบางแห่งน้ำเกือบเต็มความจุ

**"เขื่อนลำป่าว" ใกล้จุดวิกฤต
ที่ จ.กาฬสินธุ์ สถานการณ์น้ำท่วมยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเขื่อนลำปาวถึงแม้ว่าจะยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่ากว่า 250 ล้าน ลบ.ม.และยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างได้สร้างความหวาดวิตกเกี่ยวกับสภาพความมั่นคงของตัวเขื่อน และจากการพร่องน้ำออกจากตัวเขื่อนมากในช่วงนี้ ทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม 5 อำเภอ น้ำเริ่มไหลหลากเข้าพื้นที่การเกษตรของประชาชนจำนวนมาก
ขณะที่ทางด้านจังหวัดได้มีการแจ้งข่าวไปยังหอกระจายข่าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ประกาศแจ้งเตือนภัยจากน้ำท่วมฉับพลันน้ำล้นตะลิ่งพร้อมให้เตรียมการณ์อพยพกรณีเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
นายนายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ของเขื่อนลำปาวขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนร้อยละ 91 หรือประมาณ 1,292 ล้าน ลบ.ม.จากความจุ 1,430 ล้าน ลบ.ม. โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างประมาณ 20 ล้าน ลบ.ม.และทางเขื่อนลำปาวมีการพร่องน้ำอยู่ที่ประมาณ 16 ล้าน ลบ.ม. สำหรับจุดเสี่ยงทางจังหวัดสั่งการและให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ได้แก่ พื้นที่ตำบล หมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำปาว ลำน้ำชี ในเขต อ.ยางตลาด กมลาไสย และฆ้องชัย ซึ่งเป็นพื้นที่เคยท่วมซ้ำซาก หากเกิดอุทกภัยฉับพลันก็สามารถเคลื่อนย้ายช่วยเหลือทั้งคน สิ่งของ และสัตว์เลี้ยงได้ทันที
แต่อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนลำปาวยังคงมีความแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะมีน้ำไหลหลากเข้ามาในตัวอ่างจำนวนมากก็ไม่กระทบกับความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนลำปาว และประชาชนก็ไม่ควรตื่นตระหนกมากไป

**เขื่อนลำปะทาวจ่อทะลัก๙ชัยภูมิ
ด้านนายนิพนธ์ สาธิตสมิตพงษ์ ปลัดจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำบนเขื่อนลำปะทาว อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิว่า จากอิทธิพลของพายุกิสนา ขณะนี้ทำให้มีฝนตกในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ตลอดทั้งวัน จนทำให้มีปริมาณน้ำล้นสันเขื่อนลำปะทาว จากเดิมเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 20 ซม.เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับกว่า 42 ซม.แล้ว ซึ่งวานนี้ถือเป็นเรื่องยากที่จะหยุดน้ำจากเขื่อนฯไม่ให้ไหลล้นลงมาได้ ซึ่งเดิมที่เคยเกิดน้ำท่วมเมืองชัยภูมิครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา น้ำล้นเขื่อนลำปะทาวอยู่ที่ระดับ 92 ซม. ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์น้ำล้นสันเขื่อนอย่างใกล้ชิดถ้ามีระดับสูงถึงกว่า 90 ซม.เมื่อใดต้องเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่ชัยภูมิอีกครั้ง และคาดว่าน้ำจะท่วมในตัวเมืองไม่น้อยกว่าสัปดาห์อย่างเลี่ยงไม่ได้

**ส่งทหารช่วยอพยพคนอุบลฯ
ที่ จ.อุบลราชธานี ฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุ"กิสนา" ทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลสูงขึ้น โดยระดับน้ำที่บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตยวานนี้วัดได้ 7.08 เมตร สูงขึ้นจากเมื่อวันที่ 30 ก.ย.12 ซม.ทำให้น้ำไหลท่วมชุมชนสองฝั่งแม่น้ำมูลเป็นบริเวณกว้าง โดย อ.เมืองมีชุมชนถูกน้ำท่วม 17 ชุมชน อ.วารินชำราบ 11 ชุมชน ประชาชนทั้ง 2 อำเภอต้องอพยพหนีน้ำไปอยู่ในที่พักชั่วคราวที่ทางการจัดให้แล้วกว่า 100 ครอบครัว
โดยมณฑลทหารบกที่ 22 และกองบินที่ 21 กองพลบินที่ 1 อุบลราชธานีได้ส่งกำลังทหารประมาณ 100 นายเข้าช่วยเหลือประชาชนในการขนย้ายสิ่งของ นอกจากนี้ มีรายงานว่าน้ำจากลำน้ำลำโดมใหญ่ที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรักได้ล้นตลิ่งท่วมสะพานข้ามลำห้วยบ้านแก้งเหนือ ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก เป็นระยะทางยาวประมาณ 150 เมตรทำให้การสัญจรระหว่าง อ.บุณฑริก-อ.นาจะหลวย ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่ ซึ่งทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 ได้นำรถและเรือเข้าช่วยขนถ่ายให้ประชาชนสามารถเดินทางผ่านไปมาได้แล้ว

**เตือน นทท.อ่าวพัทยาคลื่นสูง
ส่วนที่บริเวณสำนักงานกู้ภัยทางทะเลเมืองพัทยาได้ชักธงแดงขึ้นเสาเตือนภัยนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเรือต่างๆในเมืองพัทยาว่า ทะเลในบริเวณอ่าวพัทยามีคลื่นลมแรงคาดว่าจะมีพายุเข้ามา โดยให้ผู้ประกอบการเรือต่างๆควรงดให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตละทรัพย์สินได้
สำหรับเรือรับส่งนักท่องเที่ยวจากฝั่งพัทยาไปเกาะล้านไม่ว่าจะเป็น เรือโดยสารประจำทาง เรือสปีทโบ๊ต ตั้งแต่ช่วงเช้ามานั้นยังไม่มีการให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวเลย ซึ่งผู้ประกอบการต่างๆเกรงมาอาจเกิดอันตรายและมีผลเสียมากกว่าได้อาจเกิดเรือดดยพายุหรือคลื่นพลัดจม
ส่วนของเมืองพัทยานั้น ได้ออกเตือนผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวว่า ช่วงดังกล่าวอย่าออกเรือเด็ดขาด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีพายุลมแรงและคลื่นสูง ซึ่งเกรงว่าหากออกไปแล้วจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นเมืองพัทยาพร้อมจะขนย้ายนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ตามเกาะกลับเข้าฝั่ง หากเป็นความต้องการของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การออกเตือนนักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการเรือต่างๆ มาจากเหตุการณ์ในช่วงนี้มีลมกระโชกแรง คลื่นน้ำทะเลสูงกว่า 2 เมตรจากพิษสงของพายุกิสนา ซึ่งส่งผลให้เรือนำเที่ยว 2 ชั้น ซึ่งสำหรับ รับ - ส่ง นักท่องเที่ยวพัทยา-เกาะล้าน จอดทอดสมอ อยู่กลางอ่าวพัทยา ถูกคลื่นซัด อับปรางลงสู่ก้นทะเล 9 ลำ ได้รับความเสียหาย บางลำจมลงสู่ก้นทะเลทั้งลำ บางรายเสากระโดงเรือโผล่ออกมาเหนือผิวน้ำทะเล อีกทั้งยังมีเรือบางลำ คลื่นซัดตัวเรือ ไปกระแทกกับ ร้านอาหาร ผับ บาร์เบียร์ ที่ต่อเติมยื่นออกมาในทะเล ได้รับความเสียหายในช่วงที่ผ่านมา

**อุตุฯเตือน"กิสนา" ยังมีพิษ
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงออกประกาศเตือนภัยพายุ "กิสนา" ว่า แม้พายุดังกล่าวจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ก็ยังส่งผลให้ฝนตกเป็นบริเวณกว้างกับมีลมแรง และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทั้งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มใน 19 จังหวัดระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลสูง 2-3 เมตร ชาวเรือต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-3 วันนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น