เสี่ยเมืองน่านโร่ร้อง สคบ.แบงก์ยื้อวันไถ่ถอนทรัพย์ แบกดอก-แถมอาจถูกคู่สัญญาปรับ

น่าน – เสี่ยใหญ่เมืองน่านโร่ร้อง สคบ.หลังถูกแบงก์เจ้าหนี้ยื้อวันไถ่ถอนหลักทรัพย์ ที่จำนองไว้ 3 ครั้งซ้อน แถมเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ทำให้ต้องแบกดอกเบี้ยวันละ 2 พัน เดือนละ 77,000 บาท แถมมีสิทธิ์ถูกคู่สัญญาที่วางมัดจำซื้อต่อไว้แล้วปรับอีก 2 ล้าน

วันนี้ (14 ก.ค.)นายณัฐ และ นางช่อฟ้า สกุลลมัย สามี ภรรยา นักธุรกิจระดับแถวหน้าเมืองน่าน พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดน่าน(สคบ.) หลังไม่ได้รับความสะดวกจากธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) สาขาน่าน กรณีจะนำเงินจำนวนกว่า 11 ล้านบาท ไปชำระหนี้เพื่อไถ่ถอนบ้านพร้อมที่ดิน แต่กลับถูกเลื่อนการชำระหนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และไม่ได้รับแจ้งกำหนดให้ไถ่ถอนบ้านชัดเจน

นายณัฐ หรือ เสี่ยมอม เปิดเผยว่า หลังจากที่ผ่อนชำระแล้วเป็นเวลา 4 ปี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 ได้แจ้งความประสงค์กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาน่าน ว่าจะขอชำระหนี้เพื่อไถ่ถอนทรัพย์สิน จำนวนเงิน 11,350,000 บาท

นางอรุณี เจียมตระกูล เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ ได้รับเรื่องไว้ และแจ้งว่า จะดำเนินการให้ภายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ต่อมาเจ้าหน้าที่ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาน่าน ได้โทรศัพท์มาขอเลื่อนเป็นวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 และขอเลื่อนอีกครั้ง ในวันเดียวกันไปเป็นวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 โดยอ้างว่า ทางธนาคารจะต้องตรวจสอบเครดิตบูโรลูกค้า และรอการอนุมัติจากทางสำนักงานใหญ่ก่อน ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถชำระหนี้ได้เมื่อไหร่

นายณัฐ กล่าวว่า การเลื่อนกำหนดให้เขาไถ่ถอนจำนองบ้านของแบงก์เจ้าหนี้ดังกล่าว ทำให้เขาต้องรับภาระค่าดอกเบี้ย วันละ 2,000 กว่าบาท หรือเดือนละ 77,000 บาท จนกว่าจะได้รับการอนุมัติให้ไถ่ถอน

นอกจากนี้น ายณัฐ ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ที่จะไถ่ถอน กับผู้ซื้อ และได้มีการตกลงวางมัดจำกับคู่สัญญาแล้ว และหากไม่สามารถทำการโอนให้คู่สัญญาได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ค.2552 นี้ จะต้องถูกคู่สัญญาปรับเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท ฐานผิดสัญญา

ด้าน นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน หลังรับหนังสือได้กล่าวว่า จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอน ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ร้องเรียน สามารถเรียกร้องทางแพ่ง เพื่อให้ทางธนาคารรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายได้

ขณะที่นายทรงศักดิ์ อุดมธาดา ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาน่าน กล่าวว่า อาจเป็นการเข้าใจผิดระหว่างลูกค้ากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางธนาคารได้พยายามชี้แจงอยู่ เนื่องจากการลูกค้ารายนี้วงเงินเกินอำนาจสาขาน่าน ซึ่งต้องให้ทางเขตลำปางและสำนักงานใหญ่พิจารณา และดำเนินการทุกขั้นตอน จึงทำให้ล่าช้าในเรื่องของเอกสารและการประสานงาน เพราะอยู่คนละจังหวัด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเขตลำปาง ได้แจ้งกลับมาว่า ได้เร่งประสาน ทั้งเอกสารและบุคคลแล้ว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 ที่จะถึงนี้ แต่หากมีการติดขัดบางประการที่ส่งผลทำให้ล่าช้า ก็คาดว่า จะไม่เกินวันที่ 23 กรกฎาคม อย่างแน่นอน และหากเกินกว่านี้จนทำให้ลูกค้าได้รับเสียหายต่างๆ ทางธนาคารยินดีจะรับผิดชอบ