เชียงราย - จนท.ตรวจสถานบันเทิงในตัวเมืองเชียงราย เจอวัยรุ่นอ้างนามสกุลนักการเมือง “สะสมทรัพย์” แสดงตัวใหญ่คับประเทศ ผลักปลัดอำเภอกระเด็นล้มคว่ำ ขณะผลตรวจสอบพบกว่า 10 ร้านไม่มีใบอนุญาต อาคารไม่แข็งแรง ไม่มีทางหนีไฟ เร่งไปดำเนินการให้ถูกต้อง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า คืนที่ผ่านมา (11 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมือง จ.เชียงราย ร่วมกับตำรวจ สภ.เมือง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ร่วมกันนำกำลังประมาณ 30 นาย เข้าไปตรวจสอบสถานบันเทิงที่เปิดให้บริการในเวลากลางคืนทั่วเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะการมั่วสุมของเยาวชนและยาเสพติด
เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันไปตรวจสอบตามย่านสถานบันเทิงต่างๆ โดยเฉพาะบนถนนราษฎร์บำรุง ซึ่งมีร้านอาหาร ผับและบาร์เปิดเรียงรายกันหลายสิบร้าน ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ที่ร้านออกัส และอัพทูยู มีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงอายุที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 5 คน เข้าไปใช้บริการทั้งยังมีการบริการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้กับวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคนดูแลร้านไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเยาวชนทั้ง 5 คน เจ้าหน้าที่ได้ทำการอบรมและเปรียบเทียบปรับจากนั้นปล่อยตัวกลับไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบจนถึงบริเวณร้านกรุงเทพฯ มีชายอายุประมาณ 38 ปี 2 คน เดินเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ คือนายญาณวุฒิ สุดพิมศรี ปลัด อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะในการตรวจสอบสถานบันเทิงในครั้งนี้ แต่ปรากฏว่าการเจรจารุนแรงขึ้นตามลำดับโดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าทำตามหน้าที่ แต่ชายทั้ง 2 คนกลับเฉไฉออกไปว่าเป็นผู้มีเส้นสาย โดยเป็นลูกหลานของนักการเมืองใหญ่ในตระกูล “สะสมทรัพย์”
เมื่อนายญาณวุฒิเห็นว่าชายทั้ง 2 คนเจรจาไม่เป็นผล จึงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตามปกติ แต่ชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนกลับแสดงท่าทีไม่พอใจ และทำทีเป็นเจ้าของร้าน รวมทั้งออกมาต่อว่านายญาณวุฒิ พร้อมตะโกนไม่ให้เจ้าหน้าที่ อส.ที่อยู่โดยรอบเข้าไปใกล้ ขณะเดียวกัน ยังอ้างว่าเป็นคนมีเส้นใหญ่ที่ไม่ธรรมดาในตระกูลการเมือง “สะสมทรัพย์” กระทั่งจังหวะที่นายญาณวุฒิเดินเข้าไปตรวจสอบในร้านก็ถูกชายคนหนึ่งใส่เสื้อขาวซึ่งอ้างว่าเป็นลูกหลานนักการเมืองใหญ่ดังกล่าวใช้มือผลักเข้าที่หน้าอกนายญาณวุฒิจนล้มลง จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส.ที่ยืนอยู่ใกล้เข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นและเข้าไปสงบสติอารมณ์ชายฉกรรจ์ดังกล่าวเอาไว้ จากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบร้านและแยกย้ายกันไปตรวจร้านอื่นต่อไป
ผลการตวรจสอบพบว่า มีร้านที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการในย่านดังกล่าวกว่า 10 แห่ง ซึ่งรวมทั้งร้านกรุงเทพฯ ดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้เจ้าของร้านแต่ละแห่งไปขออนุญาตเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเตือนว่าหากยังปล่อยให้มีเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปีเข้าไปใช้บริการอีกก็จะมีการเสนอไปยังทางจังหวัดให้สั่งปิดสถานบริการดังกล่าว
ในการตรวจสอบครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่าร้านที่ไม่ได้ขออนุญาตส่วนใหญ่เป็นอาคารที่มีความเสี่ยง เช่น ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง มีการดัดแปลงอาคาร ที่สำคัญไม่มีการจัดทางหนีไฟเอาไว้ ฯลฯ โดยครั้งนี้ถือเป็นการออกมาป้องปรามเอาไว้ก่อน จากนั้นจะได้เก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ เอาไว้ดำเนินคดีต่อผู้ที่ฝ่าฝืนต่อไป