xs
xsm
sm
md
lg

“อ๋อย” ขึ้นเวทีหางแดงตราด กัด “มาร์ค” ไปบุรีรัมย์แค่สมานฉันท์พรรคร่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตราด-หางแดงตราดเปิดเวทีสุมหัว ใช้ชื่อหรู“ตราด 52 รักประชาธิปไตย” "จาตุรนต์"เลิกเหนียมขึ้นเวทีพ่นน้ำลาย ด่ากราด"อภิสิทธิ์"ตั้งแต่เริ่มพูดจนจบ แขวะไปบุรีรัมย์เพื่อสมานฉันท์ใพรรคร่วม เย้ยไม่กล้ายุบสภากลัวแพ้ ใส่ไฟผลงาน"มาร์ค"ทำได้แค่เพิ่มภาษีและกู้เงิน อ้างเป็นรัฐบาลอย่างหนา-บริหารไม่เป็น ปลุกสาวกออกมาขับไล่

ตั้งแต่เวลา 19.00 น. วานนี้(11ก.ค.) ที่ตลาดเอกสินชล ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด กลุ่มเสื้อแดงตราด นำโดยนายนฤปนาท สว่างไสว อดีตผู้สมัคร ส.ส.ตราด พรรคเพื่อไทย,นายเอนก ทองย้อย ที่ปรึกษานายก อบจ.ตราด น.ท.ทวี ยานไกล ข้าราชการบำนาญ และนายธนพล ปรีดาสุทธิจิต อดีตประธานสภา อบจ.ตราด รวมทั้งแกนนำอื่นๆ จำนวน 30 คน ได้เปิดเวทีปราศรัยใช้ชื่อว่าร“ตราด 52 รักประชาธิปไตย ร้อยใจเป็นหนึ่ง” โดยขายโต๊ะจีนจำนวน 150 โต๊ะเพื่อหาทุน มีผู้ร่วมงานรวมประมาณ 1,000 คน มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดง (นปช.) เช่น นายจรัล ดิษฐาภิชัย นายสุพร อัตถาวงศ์(แรมโบ้อิสาน) นายสุธิน คลังแสง อดีต ส.ส.ภาคอีสาน พรรคพลังประชาชน และบุคคลอื่นๆ พร้อมนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเดินทางมาร่วม

นายนฤปนาทได้กล่าวเปิดเวทีและกล่าวถึงจุดยืนการเมืองว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้งในสังกัดพรรคเพื่อไทยต่อไปไม่ย้ายไปไหน และนายเอนก ทองย้อย กล่าวถึงการเดินทางไปชุมนุมป่วนเมืองที่กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนเมษายน 2552 ซึ่งนายเอนกอ้างว่าเป็นการเรีกยร้องประชาธิปไตย จากนั้นแกนนำแต่ละคนได้ขึ้นกล่าวปราศรัยจนกระทั่งในเวลา 20.00 น. โฆษกได้เชิญนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่พวกเขายกย่องว่าจะได้เป็น“นายกรัฐมนตรีประเทศไทยคนต่อไปที่มาจากภาคตะวันออก” ขึ้นบนเวที โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงตราดที่จัดตั้งกันไว้นำพวงมาลัยและดอกไม้มามอบให้

จากนั้นนายจาตุรนต์ได้เริ่มปราศรัย โดยกล่าวว่า ภายหลังเดือนเมษายน 2552 ที่ชาวเสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำต่อรัฐบาล และทำให้คาดหมายว่ากลุ่มเสื้อแดงจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว แต่กลับมิใช่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการชุมนุมของชาวเสื้อแดงได้กระจายออกไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นกระทั่งหลังวันที่ 27 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมาจัดกันทั่วประเทศ ตนเองได้เดินทางไปร่วมหลายเวทีและพบว่ากลุ่มเสื้อแดงขาดแคลนเหล่าวิทยากรสำคัญเพราะเดินสายไปไม่ทันกับเวทีที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่ชาวเสื้อแดงตั้งใจออกมาต่อสู้กับประชาธิปไตย และความยุติธรรมมากยิ่งขึ้น

“วันนี้ ผมมาอยู่ที่ จ.ตราด แต่นายอภิสิทธิ ไปอยู่ จ.บุรีรัมย์ ทำไมต้องเลือกไปที่บุรีรัมย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อจะไปสร้างความสมานฉันท์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล หลังพรรคภูมิใจไทยพ่ายแพ้เลือกตั้งในสกลนครและศรีสะเกษ เมื่อก่อนรัฐบาลเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์ทั้งเสื้อแดง,เสื้อเหลือง หรือกลุ่มที่มีความขัดแย้งในรัฐบาลที่มีปัญหามาตลอด ตอนนี้สมานฉันท์เพื่อแบ่งงบประมาณ แล้วอภิสิทธิออกมาตะโกนขอให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์ แต่กลับมาแบ่งงบประมาณเพื่อสมานฉันท์ในพรรคร่วมรัฐบาล แล้วประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง รัฐบาลก็ล้มเหลว ทำงานไม่เป็น บริหารงานไม่เก่ง ตอนนี้เลยไม่กล้ายุบสภา เพราะประชาธิปัตย์กลัวอะไรกลัวพ่ายแพ้ไง”

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า การไปบุรีรัมย์ครั้งนี้ ต้องนำกำลังทหาร-ตำรวจมารักษาความปลอดภัยมากกว่า 1,800 คน นำมาทำอะไรกลัวกลุ่มเสื้อแดงขับไล่หรือ ระวังจะไปเจอมนต์ดำของเขมร ภาคอีสานขอให้อภิสิทธิไปบ่อยๆ เอากำลังทหาร ตำรวจไปสัก 4 พัน เพราะไปแล้วประชาธิปัตย์ก็จะได้แค่ 2 เสียงเหมือนเดิม ส่วนภูมิใจไทย จะประสบชะตากรรมไม่ได้แตกต่างไปจากสกลนครหรือศรีสะเกษ

อย่างไรก็ตาม นายจาตุรนต์ไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องมีการจัดกำลังรักษาความปลอดภัยนายกญ จำนวนมากว่า เพราะรัฐบาลมีบทเรียนมาแล้วจากการที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยาและทุบรถนายกฯ ที่กระทรวงมหาดไทย และในช่วงที่นายกฯ จะลงพื้นที่บุรีรัมย์ก็มีข่าวว่า ส.ส.ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทยเตรียมจัดคนเสื้อแดงไปชุมนุมขับไล่ รวมทั้งมีการออกข่าวว่าคนเสื้อแดงจะไปทัศนศึกษาที่ จ.บุรีรัมย์ในช่วงที่นายกฯ ลงพื้นที่

นายจาตุรนต์ ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ เพราะอยู่ไปก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ตอนนี้อยู่ไปก็ปลอบใจกันไปเรื่อยๆ เก่งที่สุดก็คง 1 ปี แล้วยุบสภา รับประกันได้เลยว่า รัฐบาลต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งแน่นอนไม่มีทางเป็นอื่น เพราะรัฐบาลนี้มาด้วยความไม่ชอบธรรมและบริหารงานไม่เก่ง

“เมื่อพ่ายแพ้แล้วแต่การเมืองไม่ยอมให้แพ้ กกต.ก็จะหยิบเอาเรื่องการร้องเรียนพรรคเพื่อไทยขึ้นมาให้ใบแดงแล้วบอกว่ากรรมการบริหารพรรคไม่ดูแลและปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต แล้วตัดสินยุบพรรคอีก เพราะรัฐธรรมนูญยังไม่ได้แก้ไข จึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ ดังนั้นหากมีการทำประชามติประชาชนชาวเสื้อแดงต้องออกไปลงไประชามติให้มีการแก้ไขให้ได้”

นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลอภิสิทธิอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์บอกประชาชนชาวไทยว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบไม่มาก แต่เศรษฐกิจติดลบไป 7.1% ก็ปลอบใจตัวเองว่าน้อยกว่าที่คิด การแจกเงิน 2,000 บาทก็ไม่ได้ผลเท่าไร ขณะที่เงินงบประมาณก็มีไม่เพียงพอจึงต้องขึ้นภาษี แล้ววันนี้ประกาศว่าจะกู้เงินอีก 8 แสนล้านบาท เพื่อเอามาแจกประชาชนอีกหรือ การทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนเป็นหนี้สิน รัฐบาลบอกว่าจะจ่ายหนี้เอง ทำได้หรือไม่หรือนายอภิสิทธิ์จะจ่ายแทนเอง สุดท้ายก็ไม่พ้นประชาชน

“อภิสิทธิจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้มอบกระทรวงสำคัญ ๆ ไปให้พรรคร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์เหลือเพียงกระทรวงการคลังที่ทำได้แค่ขึ้นภาษีและกู้เงินเท่านั้นหรือ 8 แสนล้านจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สักเท่าไร เพราะปีนี้รัฐบาลก็ขาดทุนงบประมาณ 1 แสนล้าน ปีหน้าก็จะขาดอีก 6 แสนล้านแล้วเงิน 8 แสนล้านใช้หนีเงินกู้ก็จะเหลือเท่าไหร่ อย่างนี้ก็ต้องกู้อีกแล้วก็ต้องขึ้นภาษีอีก นี่คือความสำเร็จของอภิสิทธิ์

“ส่วนเรื่องการแก้ไขหวัดใหญ่ก็ต่างคนต่างทำ ทหารทำตัวอย่างนำกะละมัง 2 ลูกมาให้ทหารสาธิตล้างมือ รณรงค์ทำความสะอาด คณะผู้บริหารผู้ใหญ่กวาดถนนออกทีวีโชว์ ทำไมไม่จัดตั้งคณะทำงานระดับชาติ เห็นว่ามีแต่ เสธ.หนั่นเป็นประธานก็ยังไม่มีการประชุมสักครั้ง แก้ปัญหาแบบนี้ ผมไม่เคยขอเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเอาอย่างไรตอนนี้ประชาชนเริ่มเรียกร้องแล้ว และพร้อมจะขับไล่รัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลไม่รับรู้รับฟัง ผมก็บอกว่าเป็น “รัฐบาลอย่างหนา” ขอให้ลาออกเสียดีกว่า”

หลังจากนายจาตุรนต์ปราศรัยเสร็จ มีแกนนำคนอื่นๆ ขึ้นมากล่าวโจมตีรัฐบาลในเรื่องต่างๆ ก่อนจะปิดเวทีในเวลา 24.00 น.วันเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น