ชาวนาเชียงรายได้โควตาข้าวนาปรังเพิ่มส่งท้ายฤดูผลิต

เชียงราย – ส่งท้ายนาปรัง ชาวนาเชียงรายได้โควตาเพิ่มอีก 2 หมื่นตัน จากยอดที่ยื่นขอทั้งสิ้น 170,000 ตัน ขณะที่ผู้ว่าฯฤดูการผลิตปีนี้ได้ขอเพิ่มพิเศษให้อีก 6 หมื่นตัน แต่จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการข้าวฯ

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ จ.เชียงราย เคยออกมาเรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนหรือโควตาตามโครงการรับจำนำข้าวนาปรังประจำปี 2552 อย่างต่อเนื่องจนเกิดเหตุการณ์ปิดถนนสายสำคัญๆ ไปแล้วหลายครั้งนั้น ปรากฏว่าท้ายที่สุดในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการข้าวแห่งชาติได้อนุมัติโควตารับจำนำข้าวนาปรังให้กับเกษตรกรที่เชียงราย เพิ่มอีก 20,195 ตัน จากยอดที่มีการเรียกร้องโควตา 170,000 ตัน

นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ล่าสุดทางจังหวัดได้ขอให้มีการอนุมัติโควตากลางไปยังรัฐบาลเพื่อเพิ่มเติมให้กับเกษตรกรอีกประมาณ 60,000 ตันแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าจะให้หรือไม่อย่างไรต่อไป เพราะคาดว่ายังเหลือปริมาณข้าวของเกษตรกรในโกดังของโรงสีต่างๆ อยู่ เนื่องจากตามปกติจะมีการเก็บข้าวตามโครงการเอาไว้ก่อน 50% ซึ่งตัวเลขน่าจะสอดคล้องกับปริมาณโควตาที่ขอไป กระนั้นในปีนี้ก็ถือว่าปีนี้ได้สิ้นสุดฤดูกาลกันเพียงเท่านี้ ส่วนในอนาคตปีถัดไปคงจะต้องมีการเตรียมการรองรับสถานการณ์กันให้มากกว่านี้

นายประคอง รักษ์วงศ์ นักวิชาการพาณิชย์ ์สำนักงานพาณิชย์ จ.เชียงราย กล่าวว่า ช่วงต้นฤดูข้าวนาปรังที่ผ่านมาคณะกรรมการข้าวแห่งชาติได้จัดสรรโควตาตามโครงการรับจำนำข้าวนาปรังให้กับเกษตรกรจำนวนประมาณ 39,900 ตัน ต่อมากลุ่มเกษตรกรได้ออกมาชุมนุมเรียกร้องขอโควตาเป็นจำนวน 170,000 ตัน เพราะมีการปลูกกันมากในหลายอำเภอ ซึ่งหลังจากมีการเจราจากันหลังเหตุการณ์การปิดถนนประท้วงแล้ว ได้มีการเพิ่มโควตาให้อีกประมาณ 16,466 ตัน ทำให้สามารถระบายผลผลิตของเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง

กรณีที่มีกระแสเรื่องเกษตรกรบางรายได้เพียงเอกสารการชั่งข้าวที่โรงสีแต่ไม่ได้รับเงินนั้น ตนเห็นว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะตามปกติการรับจำนำจะให้เป็นใบประทวน ซึ่งสามารถนำไปขึ้นเงินได้ แต่หากเป็นเอกสารอื่นคงไม่เกี่ยวข้อง และเห็นว่าน่าจะเป็นการซื้อขายกันทั่วไปมากกว่า

ขณะที่ นายสุรชัย ลิ้มทอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ตนพึ่งย้ายจาก จ.ร้อยเอ็ด มาที่เชียงราย ซึ่งก็ยืนยันว่ากรณีของชาวนาเชียงรายถือว่าโชคดีกว่าบางจังหวัดเพราะยังคงได้รับโควตามาอย่างต่อเนื่องและมีปริมาณมากกว่าบางจังหวัดเสียอีก แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตในปัญหาเรื่องการคำนวณปริมาณข้าวของหน่วยงานต่างๆ ที่อาจจะไม่ตรงกัน ระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานส่วนภูมิภาค ซึ่งอาจทำให้มีการจัดสรรโควตาที่ไม่สอดคล้องกับที่เกษตรกรเรียกร้องดังนั้นเรื่องนี้คงจะผลักดันให้มีการปรับปรุงกันต่อไป