พัทลุง - จุดรับจำนำข้าวหยุดรับจำนำข้าวนาปรังชั่วคราว หลังเต็มโควตา ขณะที่โรงสียังกดราคาเหลือเกวียนละ 8,500 บาท ส่งผลให้เกษตรเดือดร้อน ขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการปลูกข้านาปรังสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ข้าวนาปรังที่กำลังเก็บเกี่ยวในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ราคาตกลงอย่างฮวบงาบ เหลือเกวียนละ 8,500 บาท หลังจากที่จุดรับจำนำข้าวนาปีหยุดรับชื้อ เนื่องจากเต็มโควตา 500 ตัน แต่ทาง อคส.ยังไม่สั่งแปรรูปข้าวจำนวนดังกล่าว เพื่อที่จะได้รับชื้อในรอบต่อไป จึงทำให้ โรงสีที่ไม่เข้าโครงการรับชื้อข้าวเปลือกนาปรังในราคาต่ำลง เหลือตันละ 8,500 บาท จนทำให้ เกษตรกร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนในการปลูกข้าวนาปรัง ค่าปุ๋ย ค่าเม็ดพันธ์แพง แต่กลับขายไม่ได้ตามราคาที่ทางรัฐบาลได้ประกาศไว้
โดยนายจบ แก้วทวี อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 22 ม.7 ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง เกษตรกรชาวนา กล่าวว่า ต้นทุนในการปลูกข้าวรอบนี้มีราคาสูง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำมัน รวมถึงค่าเมล็ดพันธ์ และค่าเก็บเกี่ยวมีราคาเพิ่มเป็นไร่ละ 500 บาท ซึ่งชาวนาได้คาดหวังว่าจะขายข้าวได้ในราคาดี แต่แล้วแล้วกลับไม่ได้ดังที่คาดหวัง และต้องยอมรับชะตากรรมกับราคา ที่ทางโรงสีเป็นผู้กำหนดไม่นั้น คงไม่มีเงิน มาจ่ายหนี้สิน
ทางด้านนายไสว สุวรรณพยัคฆ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวจังหวัดพัทลุง เจ้าของโรงสีธัญกิจผู้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เหตุที่ต้องหยุดรับชื้อข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2551 เนื่องจากทางโรงสีต้องรอทำหนังสือค้ำประกันสัญญา จากธนาคารก่อน จึงเปิดรับข้าวเปลือกงวดใหม่ได้
โดยงวดที่แล้วมาได้รับจำนำเต็มวงเงินค้ำประกันสัญญาแล้ว โดยทางโรงสีจะหยุดรับชื้อจากวันนี้จนถึง วันที่ 23 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อรอให้ทาง อคส.สั่งแปรรูปข้าวที่อยู่ในโควตาจำนวน 500 ตันก่อน ที่รับชื้อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ข้าวนาปรังที่จะออกสู่ตลาดมีประมาณ 60,000 ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ข้าวนาปรังที่กำลังเก็บเกี่ยวในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ราคาตกลงอย่างฮวบงาบ เหลือเกวียนละ 8,500 บาท หลังจากที่จุดรับจำนำข้าวนาปีหยุดรับชื้อ เนื่องจากเต็มโควตา 500 ตัน แต่ทาง อคส.ยังไม่สั่งแปรรูปข้าวจำนวนดังกล่าว เพื่อที่จะได้รับชื้อในรอบต่อไป จึงทำให้ โรงสีที่ไม่เข้าโครงการรับชื้อข้าวเปลือกนาปรังในราคาต่ำลง เหลือตันละ 8,500 บาท จนทำให้ เกษตรกร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนในการปลูกข้าวนาปรัง ค่าปุ๋ย ค่าเม็ดพันธ์แพง แต่กลับขายไม่ได้ตามราคาที่ทางรัฐบาลได้ประกาศไว้
โดยนายจบ แก้วทวี อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 22 ม.7 ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง เกษตรกรชาวนา กล่าวว่า ต้นทุนในการปลูกข้าวรอบนี้มีราคาสูง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำมัน รวมถึงค่าเมล็ดพันธ์ และค่าเก็บเกี่ยวมีราคาเพิ่มเป็นไร่ละ 500 บาท ซึ่งชาวนาได้คาดหวังว่าจะขายข้าวได้ในราคาดี แต่แล้วแล้วกลับไม่ได้ดังที่คาดหวัง และต้องยอมรับชะตากรรมกับราคา ที่ทางโรงสีเป็นผู้กำหนดไม่นั้น คงไม่มีเงิน มาจ่ายหนี้สิน
ทางด้านนายไสว สุวรรณพยัคฆ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวจังหวัดพัทลุง เจ้าของโรงสีธัญกิจผู้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เหตุที่ต้องหยุดรับชื้อข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2551 เนื่องจากทางโรงสีต้องรอทำหนังสือค้ำประกันสัญญา จากธนาคารก่อน จึงเปิดรับข้าวเปลือกงวดใหม่ได้
โดยงวดที่แล้วมาได้รับจำนำเต็มวงเงินค้ำประกันสัญญาแล้ว โดยทางโรงสีจะหยุดรับชื้อจากวันนี้จนถึง วันที่ 23 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อรอให้ทาง อคส.สั่งแปรรูปข้าวที่อยู่ในโควตาจำนวน 500 ตันก่อน ที่รับชื้อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ข้าวนาปรังที่จะออกสู่ตลาดมีประมาณ 60,000 ตัน
