ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์เผยเกษตรกรและผู้ค้าลำไย เสนอรัฐเพิ่มวงเงินกู้หมุนเวียนจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท เพื่อรับมือการจัดการผลผลิตลำไยปีนี้ เตรียมเชิญ ส.ส.ภาคเหนือหารือร่วมกระทรวงเกษตรฯและพาณิชย์ วางแนวทางแก้ปัญหาลำไยสัปดาห์หน้า ส่วนการทำลายลำไยอบแห้งค้างเก่า 4.6 หมื่นตัน จะดำเนินการหลังหมดฤดูลำไยเพื่อป้องกันการรั่วไหลนำมาปลอมปน ขณะที่ปัญหาการรับจำนำข้าวของชาวนาเชียงใหม่-ลำพูน รับปากจะพิจารณาเพิ่มโควตาให้
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเตรียมการรับมือปัญหาลำไยปีนี้ที่กำลังจะออกสู่ท้องตลาดว่า มีการประมาณการณ์ว่าในปีนี้จะมีผลผลิตลำไยสดออกสู่ท้องตลาดประมาณ 500,000 ตัน โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เชิญตัวแทนเกษตรและผู้ประกอบการมาหารือ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการรับมือผลผลิตลำไย
เบื้องต้นมีการสะท้อนความเห็นว่า เงินกู้หมุนเวียนที่มีการเตรียมไว้ 1,000 ล้านบาท เป็นจำนวนที่เงินน้อยเกินไป จึงเสนอว่าน่าจะมีการเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท ซึ่งก็ได้รับฟังข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณา ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะมีการเชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ มาประชุมหารือร่วมกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อวางแนวทางร่วมกัน
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับการรับปากว่า จีนจะมีการนำเข้าผลผลิตลำไยทั้งสดและแห้งจากไทยให้มากขึ้น ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี ทั้งในในช่วง 2-3 เดือนนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ จะมีการเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อขยายช่องทางในการค้าลำไยและผักผลไม้ ไปยังประเทศจีนให้มากขึ้น โดยเจรจาเพิ่มช่องการส่งออกและนำเข้ากับจีนให้ได้มากขึ้นทางภาคเหนือ แทนที่จะต้องไปใช้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มาก
นอกจากนี้ นายอลงกรณ์กล่าวถึงการทำลายลำไยอบแห้งปี 2546 และ 2547 จำนวนประมาณ 4.6 หมื่นตันว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทำลายลำไยดังกล่าว เพื่อป้องกันการรั่วไหลนำมาปลอมปนกับลำไยฤดูการผลิตใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาและชื่อเสียงของลำไยไทย อย่างไรก็ตามการดำเนินการทำลาย คงจะต้องรอให้สิ้นสุดช่วงฤดูลำไยในปีนี้เสียก่อน เพื่อป้องกันการรั่วไหลออกมาปลอมปน ส่วนวิธีการทำลายนั้น เบื้องต้นวางแนวทางว่าอาจจะเป็นการฝังกลบหรือเผาทิ้ง ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งหนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงสายวันนี้ หลังจากที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “พี่เลี้ยงนักลงทุน AEC : การปรับตัวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง แล้ว ได้เชิญให้ตัวแทนชาวนาจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ประมาณ 10 คน นำโดยนายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน เข้าพบหารือเกี่ยวกับปัญหาการรับจำนำข้าวนาปรังของกลุ่มชาวนาจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
ทั้งนี้ กลุ่มตัวแทนชาวนาได้เรียกร้องให้รัฐบาล เพิ่มโควตารับจำนำข้าวของจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เนื่องจากโควตาที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอ โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้รับโควตามาเพียงประมาณ 10,000 ตัน ขณะที่ผลผลิตจริงมีทั้งหมดกว่า 40,000 ตัน ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้มีการเปิดรับจำนำข้าวทั้งหมด
เบื้องต้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับหลักการ ที่จะมีการเพิ่มโควตารับจำนำข้าวจากชาวนาจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน พร้อมทั้งชี้แจงด้วยว่าไม่สามารถที่จะรับจำนำข้าวจากชาวนาได้ทั้งหมด ซึ่งการเพิ่มโควตารับจำนำข้าวนั้น จะมีการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.)
ด้านนายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน กล่าวหลังการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า เบื้องต้นพอใจที่รัฐมนตรีรับข้อเสนอของชาวนาและจะไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ ซึ่งจะรอฟังผลการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้หากในที่สุดยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในเร็ววันนี้ ทางกลุ่มชาวนาเชียงใหม่และลำพูน ที่ได้รับความเดือดร้อนก็พร้อมที่จะออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้องขอความช่วยเหลือด้วยการปิดถนนเหมือนที่ผ่านมา