ศูนย์ข่าวศรีราชา - ข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้าและประชาชนในเขตเมืองพัทยาร่วมในพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณต่อหน้าพระบรมรูป พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่เขา ส.ทร.5 พัทยา จ.ชลบุรี บรรดาข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ต่างเข้าร่วมพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระบรมรูป “พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์เขตอุดมศักดิ์” เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง โดยมี นาวาเอก จีรพัฒน์ ปานสกุณ รองเจ้ากรมการสื่อสารทหารเรือและเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมด้วยนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ร่วมเป็นประธานในพิธี ในการนี้ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.ชลบุรี เข้าร่วมเป็นเกียรติในงานดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์เขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจ้าอยู่หัว และจอมเกล้ามารดาโหมด เมื่อทรงพระองค์ทรงมีชนมายุครบ 13 พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เสด็จไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ จนสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือในปีพุทธศักราช 2443 และทรงเข้ารับราชการในกรมทหารเรือด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะปรับปรุงกองทัพเรือให้มีรากฐานอันมั่นคง พร้อมที่จะป้องกันประเทศจากอริราชศัตรูได้อย่างแท้จริง
และเมื่อปีพุทธศักราช 2445 ขณะที่ท่านดำรงตำเหน่งรองผู้บัญชาการกรมทหารเรือพระองค์ได้ทรงจัดระเบียบราชการกรมทหารเรือขึ้นใหม่ ส่งผลให้การปฎิบัติงานไม่ซ้ำซ้อน และการปกครองบังคับบัญชามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และได้ทรงนำนักเรียนนายเรือไปฝึกยังต่างประเทศ อันเป็นการประกาศศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิแห่งความเป็นประเทศเอกราชของชาติไทย
นอกจากประปรีชาสามารถในด้านกิจการทหารเรือแล้ว ทรงมุ่งมั่นศึกษาความรู้เกี่ยวกับตำราเเพทย์แผนโบราณจนสามารถช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอย่างมาก โดยมิได้รับสิ่งใดตอบแทน ในปีพุทธศักราช 2466 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ อันเป็นตำแหน่งสูงสุดของทหารเรือในขณะนั้น แต่ทรงปฏิบัติราชการได้ไม่นานก็ทรงประชวร และสิ้นพระชนม์ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2466 ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมายุ 44 พรรษา
อนึ่ง กองทัพเรือดำรงอยู่ได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้ามั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้เนื่องด้วยองพระบิดาของทหารเรือไทยพระองค์นี้ได้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระสติปัญญาในการพัฒนากิจการทหารเรือ อันส่งผลให้กองทัพเรือมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน