เชียงราย – พรานปลาน้ำโขง ยืนยันการล่าปลาบึกเพียงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนไว้เท่านั้น ไม่มีการล่าอย่างเอาเป็น เอาตายเหมือนเดิมแน่นอน ย้ำแต่ละวันออกเรือล่าเพียง 5 ราย-15 เที่ยว/วันเท่านั้น ต่างจากสมัยก่อนที่ล่านับ 100 เที่ยวทั้งกลางวันกลางคืน เชื่อมั่นวันนี้ปลาบึกยังชุม ว่ายชน “มอง” ตรึม
นายพิศิษฐ์ วรรณธรรม ประธานชมรมปลาบึกหมู่บ้านหาดไคร้ ต.เวียง อ.เชียงราย จ.เชียงราย เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้กลุ่มชาวประมง อ.เชียงของ ได้เทขายอวนและหยุดล่าปลาบึก แต่ปีนี้ได้ทำการออกหาปลาบึกอีกก็เพื่อให้มีการศึกษาปลาบึกและรักษาวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านเอาไว้อีกครั้ง
รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ อ.เชียงของ โดยไม่ได้ล่ากันแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนเดิม เพราะสังเกตได้จากการจัดให้มีเรือออกหาปลาเพียงแค่ 5 ราย และมีการล่าเพียงวันละ 15 เที่ยวรวมทั้งยังงดออกหากลางคืนอีกด้วย จากเดิมในอดีตที่มีการนำเรือออกหาปลาบึกกว่า 60 ราย และออกหากันทั้งกลางวันและกลางคืนกว่า 100 เที่ยว
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า จากประสบการณ์การออกหาปลาบึกพบว่า ในปีนี้คาดว่าปลาบึกจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะในการออกหาปลาบึกด้วยการวางมองหรืออวนสำหรับปลาบึกโดยเฉพาะ พบว่า มีปลาว่ายไปชนกับอวนหลายครั้ง แต่เนื่องจากไม่ได้จังหวะที่ดีจึงไม่ติดกับมอง อันแสดงให้เห็นว่าแม่น้ำโขงยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาบึกที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการที่ชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ได้มีการปล่อยลุกพันธุ์ปลาบึกจำนวนหลายหมื่นตัวมาตั้งแต่ปี 2533 นั่นเอง ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างพิสูจน์จากปลาที่จับได้ในปีนี้ว่าจะเป็นชุดที่ปล่อยออกไปหรือไม่ หากใช่ก็ถือว่าการปล่อยลูกพันธุ์ปลาประสบความสำเร็จ
“กรมประมงได้ตัดเอาครีบของปลาที่จับได้เป็นตัวแรกของปีนี้ ไปทำการศึกษาวิจัยและตรวจดูดีเอ็นเอแล้วว่าตรงกับที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับตัวปลาถือเป็นสิทธิ์ของพรานปลาบึกที่สามารถนำไปจำหน่ายหรือบริโภคเองก็ได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ได้รับอนุญาตให้หาเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนดและหากหาได้ครบ 2 ตัวก็ต้องหยุดขณะนี้หาได้แล้ว 1 ตัวจึงเหลืออีก 1 ตัวดังกล่าวคาดว่าจะได้ในเร็วๆ นี้เพราะได้ตัวแรกก็ต้องได้ตัวที่ 2” นายพิศิษฐ์ กล่าวและว่า ตนเชื่อว่าการหาปลาบึกของชาวประมงบ้านหาดไคร้ ไม่ได้เป็นการทำลายธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม แต่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งโขงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งหากไม่มีการอนุรักษ์หรือสืบต่อการหาปลาบึกสิ่งเหล่านี้ก็คงจะสูญหายไปได้ ด้านพิธีบรวงสรวงปลาบึกที่ทำกันเป็นประจำทุกปี ก็ทำให้เกิดความสามัคคีต่อชุมชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับปี 2552 กรมประมงได้อนุญาตให้ชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้หาปลาบึกได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. - 27 พ.ค.นี้ แต่หากจับได้ครบ 2 ตัว ก็ให้ยุติการออกหาโดยทันที และปรากฎว่าชาวบ้านสามารถจับได้แล้ว 1 ตัว เป็นปลาบึกเพศเมีย ความยาว 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัม และมีการชำแหละในเช้าวันนี้ (4 พ.ค.) โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพออกสู่สาธารณชน
นายพิศิษฐ์ วรรณธรรม ประธานชมรมปลาบึกหมู่บ้านหาดไคร้ ต.เวียง อ.เชียงราย จ.เชียงราย เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้กลุ่มชาวประมง อ.เชียงของ ได้เทขายอวนและหยุดล่าปลาบึก แต่ปีนี้ได้ทำการออกหาปลาบึกอีกก็เพื่อให้มีการศึกษาปลาบึกและรักษาวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านเอาไว้อีกครั้ง
รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ อ.เชียงของ โดยไม่ได้ล่ากันแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนเดิม เพราะสังเกตได้จากการจัดให้มีเรือออกหาปลาเพียงแค่ 5 ราย และมีการล่าเพียงวันละ 15 เที่ยวรวมทั้งยังงดออกหากลางคืนอีกด้วย จากเดิมในอดีตที่มีการนำเรือออกหาปลาบึกกว่า 60 ราย และออกหากันทั้งกลางวันและกลางคืนกว่า 100 เที่ยว
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า จากประสบการณ์การออกหาปลาบึกพบว่า ในปีนี้คาดว่าปลาบึกจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะในการออกหาปลาบึกด้วยการวางมองหรืออวนสำหรับปลาบึกโดยเฉพาะ พบว่า มีปลาว่ายไปชนกับอวนหลายครั้ง แต่เนื่องจากไม่ได้จังหวะที่ดีจึงไม่ติดกับมอง อันแสดงให้เห็นว่าแม่น้ำโขงยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาบึกที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการที่ชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้ได้มีการปล่อยลุกพันธุ์ปลาบึกจำนวนหลายหมื่นตัวมาตั้งแต่ปี 2533 นั่นเอง ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างพิสูจน์จากปลาที่จับได้ในปีนี้ว่าจะเป็นชุดที่ปล่อยออกไปหรือไม่ หากใช่ก็ถือว่าการปล่อยลูกพันธุ์ปลาประสบความสำเร็จ
“กรมประมงได้ตัดเอาครีบของปลาที่จับได้เป็นตัวแรกของปีนี้ ไปทำการศึกษาวิจัยและตรวจดูดีเอ็นเอแล้วว่าตรงกับที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับตัวปลาถือเป็นสิทธิ์ของพรานปลาบึกที่สามารถนำไปจำหน่ายหรือบริโภคเองก็ได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ได้รับอนุญาตให้หาเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนดและหากหาได้ครบ 2 ตัวก็ต้องหยุดขณะนี้หาได้แล้ว 1 ตัวจึงเหลืออีก 1 ตัวดังกล่าวคาดว่าจะได้ในเร็วๆ นี้เพราะได้ตัวแรกก็ต้องได้ตัวที่ 2” นายพิศิษฐ์ กล่าวและว่า ตนเชื่อว่าการหาปลาบึกของชาวประมงบ้านหาดไคร้ ไม่ได้เป็นการทำลายธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม แต่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งโขงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งหากไม่มีการอนุรักษ์หรือสืบต่อการหาปลาบึกสิ่งเหล่านี้ก็คงจะสูญหายไปได้ ด้านพิธีบรวงสรวงปลาบึกที่ทำกันเป็นประจำทุกปี ก็ทำให้เกิดความสามัคคีต่อชุมชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับปี 2552 กรมประมงได้อนุญาตให้ชมรมปลาบึกบ้านหาดไคร้หาปลาบึกได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. - 27 พ.ค.นี้ แต่หากจับได้ครบ 2 ตัว ก็ให้ยุติการออกหาโดยทันที และปรากฎว่าชาวบ้านสามารถจับได้แล้ว 1 ตัว เป็นปลาบึกเพศเมีย ความยาว 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัม และมีการชำแหละในเช้าวันนี้ (4 พ.ค.) โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพออกสู่สาธารณชน
