นครศรีธรรมราช – อ.ท่าศาลารับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านร่วมกันไล่รวบเรือประมงคราดหอยผิดกฎหมายกลางทะเลที่มาจากต่างจังหวัดได้ 7 ลำ ซึ่งเป็นการทำลายทรัพยากรอันสมบูรณ์ แถมแรงงานต่างด้าวกัมพูชาซุกเรือเฉียดร้อยชีวิต
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น. นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยชาวประมงพื้นบ้านเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับนายวีระพันธ์ สุขะวัลลิ ปลัดป้องกันอำเภอท่าศาลา เพื่อให้กวาดล้างจับกุมดำเนินคดีกับเรือประมงคราดหอยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมและกระทบกับการทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านบริเวณชุมชนชาวประมงพื้นบ้านของอำเภอท่าศาลา หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วยกำลัง อส.เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบจับกุมทันที
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีกองเรือประมงขนาดใหญ่รวม 7 ลำได้เริ่มตั้งแถวเตรียมคราดหอยบริเวณหน้าอ่าวท่าศาลา ห่างจากชายฝั่งประมาณ 500 เมตรเจ้าหน้าที่จึงเตรียมการจับกุม โดยการเข้าจับกุมนั้นชาวประมงพื้นบ้านนับร้อยคนที่ได้รับผลกระทบได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการเตรียมเรือหางยาวซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในการทำประมงรวม 30 ลำ ใช้เป็นพาหะนะนำเจ้าหน้าที่และกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้เร่งเครื่องออกจากชายฝั่งและแล่นตรงเข้าทำการตีโอบปิดล้อมกองเรือประมงดังกล่าวที่ไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นบนเรือทั้ง 7 ลำพบว่าเป็นเรือประมงขนาด 18 คูณ 6 เมตร มีอุปกรณ์ตะแกรงสำหรับคราดหอยขนาดใหญ่โดยพบว่าได้เดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี จ.สมุทรสาคร จ.เพชรบุรี และเมื่อตรวจค้นในเรือทุกลำพบว่ามีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ทั้งหมดรวม 74 คนเป็นชาวกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งบางส่วนนั้นได้พยายามซุกซ่อนตัวอยู่ในถังเก็บปลาแต่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปคุมตัวขึ้นมาได้ ส่วนไต้ก๋งถูกจับกุมกลางทะเลไว้ได้ 7 คน แต่เมื่อนำมาขึ้นฝั่งปรากฏว่าได้หลบหนีไปได้ 1 คน
นายวีระพันธ์ สุขะวัลลิ ปลัดป้องกันอำเภอท่าศาลา เปิดเผยว่า กลุ่มกองเรือประมงคราดหอยดังกล่าวนั้นมักจะเข้ามาลักลอบคราดหอยในพื้นที่ชายฝั่งของอำเภอท่าศาลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งทำประมงของชาวประมงชุมชนท่าศาลามาอย่างยาวนาน และมักจะมีกองเรือคราดหอยในลักษณะเช่นนี้เข้ามาสร้างความเสียหายให้กับหน้าดินอย่างรุนแรง และยังมีตะแกรงที่ถี่มากต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ชาวบ้านได้รวมตัวกันประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อปกป้องทรัพยากรของพวกเขาจึงเกิดการกวาดล้างจับกุมขึ้น และเมื่อตรวจสอบพบว่ามีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกจำนวนมากจึงจับกุมไว้ทั้งหมด โดยเบื้องต้นนั้นได้ตั้งข้อหากับไต้ก๋งคือให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ใช้เรือประมงและอุปกรณ์ประมงที่ผิดกฎหมาย ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ประจักษ์หาญทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลาดำเนินคดีต่อไปแล้ว
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น. นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยชาวประมงพื้นบ้านเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับนายวีระพันธ์ สุขะวัลลิ ปลัดป้องกันอำเภอท่าศาลา เพื่อให้กวาดล้างจับกุมดำเนินคดีกับเรือประมงคราดหอยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมและกระทบกับการทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านบริเวณชุมชนชาวประมงพื้นบ้านของอำเภอท่าศาลา หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วยกำลัง อส.เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบจับกุมทันที
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีกองเรือประมงขนาดใหญ่รวม 7 ลำได้เริ่มตั้งแถวเตรียมคราดหอยบริเวณหน้าอ่าวท่าศาลา ห่างจากชายฝั่งประมาณ 500 เมตรเจ้าหน้าที่จึงเตรียมการจับกุม โดยการเข้าจับกุมนั้นชาวประมงพื้นบ้านนับร้อยคนที่ได้รับผลกระทบได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการเตรียมเรือหางยาวซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในการทำประมงรวม 30 ลำ ใช้เป็นพาหะนะนำเจ้าหน้าที่และกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้เร่งเครื่องออกจากชายฝั่งและแล่นตรงเข้าทำการตีโอบปิดล้อมกองเรือประมงดังกล่าวที่ไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นบนเรือทั้ง 7 ลำพบว่าเป็นเรือประมงขนาด 18 คูณ 6 เมตร มีอุปกรณ์ตะแกรงสำหรับคราดหอยขนาดใหญ่โดยพบว่าได้เดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี จ.สมุทรสาคร จ.เพชรบุรี และเมื่อตรวจค้นในเรือทุกลำพบว่ามีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ทั้งหมดรวม 74 คนเป็นชาวกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งบางส่วนนั้นได้พยายามซุกซ่อนตัวอยู่ในถังเก็บปลาแต่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปคุมตัวขึ้นมาได้ ส่วนไต้ก๋งถูกจับกุมกลางทะเลไว้ได้ 7 คน แต่เมื่อนำมาขึ้นฝั่งปรากฏว่าได้หลบหนีไปได้ 1 คน
นายวีระพันธ์ สุขะวัลลิ ปลัดป้องกันอำเภอท่าศาลา เปิดเผยว่า กลุ่มกองเรือประมงคราดหอยดังกล่าวนั้นมักจะเข้ามาลักลอบคราดหอยในพื้นที่ชายฝั่งของอำเภอท่าศาลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งทำประมงของชาวประมงชุมชนท่าศาลามาอย่างยาวนาน และมักจะมีกองเรือคราดหอยในลักษณะเช่นนี้เข้ามาสร้างความเสียหายให้กับหน้าดินอย่างรุนแรง และยังมีตะแกรงที่ถี่มากต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ชาวบ้านได้รวมตัวกันประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อปกป้องทรัพยากรของพวกเขาจึงเกิดการกวาดล้างจับกุมขึ้น และเมื่อตรวจสอบพบว่ามีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกจำนวนมากจึงจับกุมไว้ทั้งหมด โดยเบื้องต้นนั้นได้ตั้งข้อหากับไต้ก๋งคือให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ใช้เรือประมงและอุปกรณ์ประมงที่ผิดกฎหมาย ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ประจักษ์หาญทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลาดำเนินคดีต่อไปแล้ว