นครศรีธรรมราช - นิคมอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช ยังบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ ชาวบ้านยังรวมตัวค้านสร้างเต็มพิกัด กมธ.การเศรษฐกิจ สภาลงพื้นที่หลัง บ.ที่ปรึกษาทำรายงานประชาชนพื้นที่หนุน 100 เปอร์เซ็น อ้างชาวบ้านหนุนสร้างนิคมอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช สุดท้ายเจอของจริงอัดกลางที่ประชุมทำรายงานเท็จเสนอสภา ดร.จนมุมกลางเวที-“มาโนชย์ วิชัยกุล” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เดือดชี้หน้าสับแหลกด็อกเตอร์ที่ปรึกษาทำตัวเหลือแค่ “ด็อก”
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ ศาลาประชามคมอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.เอกศักดิ์ แดงเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการเศรษฐกิจ อนุกรรมการธิการพิจารณาศึกษา ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความคุ้มทุนของโครงการที่ลงทุน โดยรัฐและหน่วยงานของรัฐทุกโครงการ นายจุติ ไกรฤกษ์ ที่ปรึกษา กมธ.การเศรษฐกิจ น.ส.พิมภัทรา วิชัยกุล นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ตัวแทนการนิคมอุตสาหกรรม และ ดร.กรินทร์ จิมาภรณ์วณิชย์ ตัวแทน บริษัท ธีมคอนซัลติงค์ คอนสตรัคชันแอนเมเนจน์เมนท์ ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาโครงการนิคมอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช เข้าร่วมประชุมกับประชาชนจาก ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล กว่า 500 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากพื้นที่จริงโดยกรรมาธิการ
นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปรึกษากรรมาธิการเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าการลงพื้นที่ติดตามข้อเท็จจริงสืบเนื่อง จาก น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนผ่านกรรมาธิการในประเด็นการคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ สืบเนื่องจากผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ได้สรุปผลการศึกษาขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและได้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อความคิดเห็น สนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่บริษัทระบุว่าประชาชนเห็นด้วยถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม โดยไม่มีประชาชนที่เห็นคัดค้าน
นายจุติกล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจาก ส.ส.พื้นที่กรรมาธิการจึงตั้งใจลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากความเป็นจริง ในการพัฒนานั้นประชาชนไม่ต้องวิตกว่าจะได้รับผลกระทบ ในการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการจัดตั้งนิคมฯ โดยข้อเท็จจริงในพื้นที่ถ้านั้นไปดูตัวเลขจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจะพบว่ามีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ดังนั้นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมจึงต้องมองต่อไปว่าความคุ้มค่าต่อความเสียหายมากแค่ไหน
“การวิตกกังวลในเรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่จะเข้ามาสร้างในพื้นที่นั้น แท้จริงการศึกษาเรื่องนี้มีมาเป็น 20 ปีและและอีก 10 ปีข้างหน้ามั่นใจได้เลยว่ายังไม่เกิดแน่นอน โอกาสที่จะสร้างขึ้นยังมีน้อย และไม่ได้มองว่ากลุ่มทุนไหนจะเข้ามาอย่างไร แต่ถ้าเข้ามาแล้วเกิดความเจริญ หรือไม่และการได้มาคุ้มค่าหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีรัฐบาลไหนทำงานฝืนความรู้สึกหรือความต้องการของประชาชน” นายจุติกล่าว
ภายหลังคณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงพื้นบ้านอาศัยอยู่อย่างหนานแน่น พบว่าตามบ้านเรือนประชาชนมีการขึ้นป้ายคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ตลอดเส้นทาง ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมกับประชาชนจาก ต.ทุ่งปรัง ซึ่งเป็นตำบลที่ถูกระบุในรายงานการศึกษาจากบริษัทที่ปรึกษา ว่าประชาชนเห็นด้วยถึง 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีการคัดค้าน ซึ่งพบว่าบริเวณศาลาประชาคมถูกขึ้นป้ายผ้าคัดค้านโครงการ ด้วยข้อความต่างๆอย่างเห็นได้ชัด
นายอิสรา ทองธวัช นายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยต่อหน้าคณะกรรมาธิการและประชาชนจำนวนมาก ประชาชนในพื้นที่ได้แบ่งการเคลื่อนไหวออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนหนึ่งได้มีการรวบรวมรายชื่อเป็นบัญชีหางว่าวคัดค้านโครงการ ส่วนที่สองได้มีการรวมกลุ่ม และมีการยื่นหนังสือผ่านที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
ในส่วนของอำเภอ ได้มีการประชุมชี้แจงกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ คำถามที่ประชาชนถามอยู่เสมอและเป็นคำถามที่ต้องตอบคือ จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือหรือไม่ นอกจากนั้นการนิคมฯและบริษัทที่ปรึกษาจะต้องแจ้งกับชาวบ้านว่านายอำเภอได้รับเงินหรือไม่ เพราะนายอำเภอได้ถูกโจมตีอย่างหนักว่าได้รับเงินจากการนิคมฯและ บ.ที่ปรึกษาให้หนุนนิคมอุตสาหกรรม
ดร.เอกศักดิ์ แดงเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในรายงานที่นำเสนอนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมและการท่าเรือ ซึ่งเป็นผลการศึกษาสำรวจของบริษัทธีมฯ ในตัวเลขของการเห็นด้วยนั้น ถือว่าเป็นความผิดปกติ เพราะไม่มีคนคัดค้านเลย ดังนั้น การรับของกรรมาธิการจะต้องว่าไปตามความจริง จะไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง
หลังจากนั้น ดร.เอกศักดิ์ ได้ขอให้ประชาชนที่รวมตันกันเต็มศาลาประชาคมแสดงความเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับการก่อสร้างโครงการ ปรากฏว่า ประชาชนทั้งหมดให้ศาลาประชาคมพร้อมใจกันปฏิเสธที่จะไม่เอาโครงการ ด้วยการยกมือแสดงความไม่เห็นด้วย
ขณะที่ ดร.กรินทร์ จิมาภรณ์วณิชย์ ตัวแทน บ.ธีมฯ บริษัทที่ปรึกษาและตัวแทนการนิคมฯ ถึงกับแสดงสีหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด และมีตัวแทนกลุ่มอาชีพประมง ตัวแทนผู้นำท้องถิ่น ได้แสดงความเห็นแฉต่อหน้า กมธ.ว่าบริษัทไม่ได้ประสานงานและรับฟังความคิดเห็น ยิ่งทำให้ทางตัวแทนบริษัทลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด โดยได้พยายามชี้แจงว่าบริษัทได้ออกหนังสือเชิญไปแล้วพร้อมทั้งมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าได้ลงพื้นที่ศึกษาอย่างละเอียด
ขณะที่ นายจุติ ได้กล่าวแทรกว่า การทำรายงานเช่นนี้ถือเป็นการรายงานเท็จต่อสภาท่ามกลางเสียงโห่ของประชาชนจำนวนมาก
ต่อมานายมาโนชย์ วิชัยกุล อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งนั่งฟังอยู่ได้ลุกขึ้นพร้อมทั้งกล่าวว่าตนได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด การศึกษาที่เกิดขึ้นเป็นการสมคบของคนนิคมอุตสาหกรรมบางคนร่วมกับบริษัทเอาเงินจากรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยที่ไม่ได้ลงพื้นที่จริงรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจริงหากมีการตั้งโครงการขึ้น คนที่แล้วที่มาเป็นด็อกเตอร์เช่นกันตนให้เกียรติ แต่มาวันนี้ตนขอไม่ใส่คำว่าเตอร์ลงไป ขอเรียกแค่ด็อก พร้อมทั้งชี้หน้าไปยังตัวแทนบริษัทที่ปรึกษา และระบุว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรกลับมาเหยียบที่นี่อีก ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความพอใจของประชาชนที่มาร่วมรับฟัง
ภายหลังนายจุติ ได้กล่าวว่าบริษัทจะต้องไปสรุปผลการศึกษาให้ตรงกับข้อเท็จจริงโดยใช้ข้อมูลที่ปรากฏชัดเจนเช่นนี้ และให้ทำรายงานขึ้นใหม่ ท่ามกลางความพอใจของประชาชนที่ร่วมคัดค้าน
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ ศาลาประชามคมอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.เอกศักดิ์ แดงเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการเศรษฐกิจ อนุกรรมการธิการพิจารณาศึกษา ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความคุ้มทุนของโครงการที่ลงทุน โดยรัฐและหน่วยงานของรัฐทุกโครงการ นายจุติ ไกรฤกษ์ ที่ปรึกษา กมธ.การเศรษฐกิจ น.ส.พิมภัทรา วิชัยกุล นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ตัวแทนการนิคมอุตสาหกรรม และ ดร.กรินทร์ จิมาภรณ์วณิชย์ ตัวแทน บริษัท ธีมคอนซัลติงค์ คอนสตรัคชันแอนเมเนจน์เมนท์ ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาโครงการนิคมอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช เข้าร่วมประชุมกับประชาชนจาก ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล กว่า 500 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากพื้นที่จริงโดยกรรมาธิการ
นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปรึกษากรรมาธิการเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าการลงพื้นที่ติดตามข้อเท็จจริงสืบเนื่อง จาก น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนผ่านกรรมาธิการในประเด็นการคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ สืบเนื่องจากผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ได้สรุปผลการศึกษาขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและได้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อความคิดเห็น สนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่บริษัทระบุว่าประชาชนเห็นด้วยถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม โดยไม่มีประชาชนที่เห็นคัดค้าน
นายจุติกล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจาก ส.ส.พื้นที่กรรมาธิการจึงตั้งใจลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากความเป็นจริง ในการพัฒนานั้นประชาชนไม่ต้องวิตกว่าจะได้รับผลกระทบ ในการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการจัดตั้งนิคมฯ โดยข้อเท็จจริงในพื้นที่ถ้านั้นไปดูตัวเลขจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจะพบว่ามีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ดังนั้นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมจึงต้องมองต่อไปว่าความคุ้มค่าต่อความเสียหายมากแค่ไหน
“การวิตกกังวลในเรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่จะเข้ามาสร้างในพื้นที่นั้น แท้จริงการศึกษาเรื่องนี้มีมาเป็น 20 ปีและและอีก 10 ปีข้างหน้ามั่นใจได้เลยว่ายังไม่เกิดแน่นอน โอกาสที่จะสร้างขึ้นยังมีน้อย และไม่ได้มองว่ากลุ่มทุนไหนจะเข้ามาอย่างไร แต่ถ้าเข้ามาแล้วเกิดความเจริญ หรือไม่และการได้มาคุ้มค่าหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีรัฐบาลไหนทำงานฝืนความรู้สึกหรือความต้องการของประชาชน” นายจุติกล่าว
ภายหลังคณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงพื้นบ้านอาศัยอยู่อย่างหนานแน่น พบว่าตามบ้านเรือนประชาชนมีการขึ้นป้ายคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ตลอดเส้นทาง ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมกับประชาชนจาก ต.ทุ่งปรัง ซึ่งเป็นตำบลที่ถูกระบุในรายงานการศึกษาจากบริษัทที่ปรึกษา ว่าประชาชนเห็นด้วยถึง 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีการคัดค้าน ซึ่งพบว่าบริเวณศาลาประชาคมถูกขึ้นป้ายผ้าคัดค้านโครงการ ด้วยข้อความต่างๆอย่างเห็นได้ชัด
นายอิสรา ทองธวัช นายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยต่อหน้าคณะกรรมาธิการและประชาชนจำนวนมาก ประชาชนในพื้นที่ได้แบ่งการเคลื่อนไหวออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนหนึ่งได้มีการรวบรวมรายชื่อเป็นบัญชีหางว่าวคัดค้านโครงการ ส่วนที่สองได้มีการรวมกลุ่ม และมีการยื่นหนังสือผ่านที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
ในส่วนของอำเภอ ได้มีการประชุมชี้แจงกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ คำถามที่ประชาชนถามอยู่เสมอและเป็นคำถามที่ต้องตอบคือ จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือหรือไม่ นอกจากนั้นการนิคมฯและบริษัทที่ปรึกษาจะต้องแจ้งกับชาวบ้านว่านายอำเภอได้รับเงินหรือไม่ เพราะนายอำเภอได้ถูกโจมตีอย่างหนักว่าได้รับเงินจากการนิคมฯและ บ.ที่ปรึกษาให้หนุนนิคมอุตสาหกรรม
ดร.เอกศักดิ์ แดงเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในรายงานที่นำเสนอนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมและการท่าเรือ ซึ่งเป็นผลการศึกษาสำรวจของบริษัทธีมฯ ในตัวเลขของการเห็นด้วยนั้น ถือว่าเป็นความผิดปกติ เพราะไม่มีคนคัดค้านเลย ดังนั้น การรับของกรรมาธิการจะต้องว่าไปตามความจริง จะไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง
หลังจากนั้น ดร.เอกศักดิ์ ได้ขอให้ประชาชนที่รวมตันกันเต็มศาลาประชาคมแสดงความเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับการก่อสร้างโครงการ ปรากฏว่า ประชาชนทั้งหมดให้ศาลาประชาคมพร้อมใจกันปฏิเสธที่จะไม่เอาโครงการ ด้วยการยกมือแสดงความไม่เห็นด้วย
ขณะที่ ดร.กรินทร์ จิมาภรณ์วณิชย์ ตัวแทน บ.ธีมฯ บริษัทที่ปรึกษาและตัวแทนการนิคมฯ ถึงกับแสดงสีหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด และมีตัวแทนกลุ่มอาชีพประมง ตัวแทนผู้นำท้องถิ่น ได้แสดงความเห็นแฉต่อหน้า กมธ.ว่าบริษัทไม่ได้ประสานงานและรับฟังความคิดเห็น ยิ่งทำให้ทางตัวแทนบริษัทลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด โดยได้พยายามชี้แจงว่าบริษัทได้ออกหนังสือเชิญไปแล้วพร้อมทั้งมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าได้ลงพื้นที่ศึกษาอย่างละเอียด
ขณะที่ นายจุติ ได้กล่าวแทรกว่า การทำรายงานเช่นนี้ถือเป็นการรายงานเท็จต่อสภาท่ามกลางเสียงโห่ของประชาชนจำนวนมาก
ต่อมานายมาโนชย์ วิชัยกุล อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งนั่งฟังอยู่ได้ลุกขึ้นพร้อมทั้งกล่าวว่าตนได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด การศึกษาที่เกิดขึ้นเป็นการสมคบของคนนิคมอุตสาหกรรมบางคนร่วมกับบริษัทเอาเงินจากรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยที่ไม่ได้ลงพื้นที่จริงรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจริงหากมีการตั้งโครงการขึ้น คนที่แล้วที่มาเป็นด็อกเตอร์เช่นกันตนให้เกียรติ แต่มาวันนี้ตนขอไม่ใส่คำว่าเตอร์ลงไป ขอเรียกแค่ด็อก พร้อมทั้งชี้หน้าไปยังตัวแทนบริษัทที่ปรึกษา และระบุว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรกลับมาเหยียบที่นี่อีก ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความพอใจของประชาชนที่มาร่วมรับฟัง
ภายหลังนายจุติ ได้กล่าวว่าบริษัทจะต้องไปสรุปผลการศึกษาให้ตรงกับข้อเท็จจริงโดยใช้ข้อมูลที่ปรากฏชัดเจนเช่นนี้ และให้ทำรายงานขึ้นใหม่ ท่ามกลางความพอใจของประชาชนที่ร่วมคัดค้าน
