ตรัง – ชาวประมงพื้นบ้านเผยเพื่อนร่วมอาชีพวางอวนติดปลาพะยูนได้ไป 1 ตัว แต่ฉวยโอกาสไม่ยอมปล่อยคืนธรรมชาติ คาดนำไปจำหน่ายต่างประเทศ อ่อนใจจี้หน่วยงานรัฐหาทางป้องกันและร่วมดูแลให้เป็นทรัพยากรของชาติ แต่ยังอ่อนแรงและไม่สามารถปกป้องฝูงพะยูนได้
นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นชาวประมงพื้นบ้าน และบริการนำนักท่องเที่ยวชมพะยูนในพื้นที่เกาะลิบง กล่าวว่า เมื่อคืนวันแรม 13 ค่ำ เดือน 4 หรือตรงกับวันที่ 23 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ตนได้รับทราบจากชาวประมงพื้นบ้านบ้านพระม่วง ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง ว่า ระหว่างที่พวกเขาออกไปหาปลาในพื้นที่ใกล้เกาะลิบง อำเภอกันตังอยู่นั้น พบเห็นชาวประมงพื้นบ้านบางคนจากอำเภอหาดสำราญ ซึ่งได้เดินทางมาวางอวนตาเขียว หรืออวนลอย สามารถจับพะยูนตัวใหญ่ น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ไปได้อีก 1 ตัว
นายร่าเหมกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าพะยูนคงบังเอิญว่ายน้ำเข้าไปติดอวนลอยเข้า แต่เจ้าของอวนก็ไม่ยอมปลดปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ แต่กลับฉวยโอกาสจับไปและรีบถอนอวนลอยขึ้นจากน้ำ แล้วได้เร่งเครื่องยนต์ขับเรือออกไปจากพื้นที่ทันที ซึ่งเชื่อว่าจะต้องนำไปจำหน่ายอย่างแน่นอน เมื่อตนได้สอบถามพี่น้องประมงพื้นบ้านที่พบเห็นด้วยตาว่า ทำไมไม่โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย แต่ได้รับคำตอบว่าไม่กล้าโทร.แจ้งเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย จึงทำให้เราต้องเสียพะยูนตัวล่าสุดไปอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นที่น่าสลดใจมาก
แม้หลายฝ่ายโดยเฉพาะสื่อมวลชนได้พยายามที่จะกระจายข่าวเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันรักษาทรัพยากรชายฝั่งที่มีค่าให้คงอยู่ต่อไป รวมทั้งพยายามกระตุ้นจิตสำนึกของทุกคน โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพประมง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะพะยูน สัตว์ทะเลหายากฝูงสุดท้ายในท้องทะเลตรัง จนขณะนี้กลายเป็นข่าวครึกโครมไปแล้ว แต่สุดท้ายแม้ชาวบ้านในพื้นที่จะพบเห็นการจับพะยูนไปต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่ใครทำอะไรได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวได้ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมพะยูนแทบจะทุกวัน ซึ่งจุดชมพะยูนอย่างใกล้ชิดที่สุดจะอยู่บริเวณเขาโต๊ะเต๊ะ พื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านปาตูบูเตะ ตำบลเกาะลิบง โดยจะสามารถชมได้ในช่วงที่อากาศแจ่มใส ในเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. แต่ละครั้งจะสามารถเห็นพะยูนที่มาเล่นน้ำ และหากินหญ้าทะเลในระยะใกล้ๆ ได้ประมาณ 2-3 ตัว
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อพบเห็นพะยูนจะตื่นเต้นและประทับใจมาก จึงเป็นจุดขายที่สำคัญในขณะนี้ แต่หากทุกฝ่ายไม่เร่งหามาตรการในการป้องกันการลักลอบจับพะยูน ก็คงจะทำให้เกิดการสูญพันธุ์ไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน
ในขณะที่ นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง กล่าวว่า หลังจากตนทราบข่าวเรื่องการล่าพะยูนตัวล่าสุด ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปสืบหาข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน คงจะทราบผล แต่โดยเบื้องต้นในเขตห้ามล่าฯ ช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พบชาวประมงพื้นบ้านต่างถิ่นนำเรือเข้ามา 1 ลำ และมีลักษณะของการพยายามที่จะกระทำผิดกฎหมายประมง แต่ยังมิได้ทำการใดๆ จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่เรือลำดังกล่าวออกไปนอกเขตน่านน้ำตรัง
นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นชาวประมงพื้นบ้าน และบริการนำนักท่องเที่ยวชมพะยูนในพื้นที่เกาะลิบง กล่าวว่า เมื่อคืนวันแรม 13 ค่ำ เดือน 4 หรือตรงกับวันที่ 23 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ตนได้รับทราบจากชาวประมงพื้นบ้านบ้านพระม่วง ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง ว่า ระหว่างที่พวกเขาออกไปหาปลาในพื้นที่ใกล้เกาะลิบง อำเภอกันตังอยู่นั้น พบเห็นชาวประมงพื้นบ้านบางคนจากอำเภอหาดสำราญ ซึ่งได้เดินทางมาวางอวนตาเขียว หรืออวนลอย สามารถจับพะยูนตัวใหญ่ น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ไปได้อีก 1 ตัว
นายร่าเหมกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าพะยูนคงบังเอิญว่ายน้ำเข้าไปติดอวนลอยเข้า แต่เจ้าของอวนก็ไม่ยอมปลดปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ แต่กลับฉวยโอกาสจับไปและรีบถอนอวนลอยขึ้นจากน้ำ แล้วได้เร่งเครื่องยนต์ขับเรือออกไปจากพื้นที่ทันที ซึ่งเชื่อว่าจะต้องนำไปจำหน่ายอย่างแน่นอน เมื่อตนได้สอบถามพี่น้องประมงพื้นบ้านที่พบเห็นด้วยตาว่า ทำไมไม่โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้จับกุมผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย แต่ได้รับคำตอบว่าไม่กล้าโทร.แจ้งเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย จึงทำให้เราต้องเสียพะยูนตัวล่าสุดไปอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นที่น่าสลดใจมาก
แม้หลายฝ่ายโดยเฉพาะสื่อมวลชนได้พยายามที่จะกระจายข่าวเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันรักษาทรัพยากรชายฝั่งที่มีค่าให้คงอยู่ต่อไป รวมทั้งพยายามกระตุ้นจิตสำนึกของทุกคน โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพประมง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะพะยูน สัตว์ทะเลหายากฝูงสุดท้ายในท้องทะเลตรัง จนขณะนี้กลายเป็นข่าวครึกโครมไปแล้ว แต่สุดท้ายแม้ชาวบ้านในพื้นที่จะพบเห็นการจับพะยูนไปต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่ใครทำอะไรได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวได้ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมพะยูนแทบจะทุกวัน ซึ่งจุดชมพะยูนอย่างใกล้ชิดที่สุดจะอยู่บริเวณเขาโต๊ะเต๊ะ พื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านปาตูบูเตะ ตำบลเกาะลิบง โดยจะสามารถชมได้ในช่วงที่อากาศแจ่มใส ในเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. แต่ละครั้งจะสามารถเห็นพะยูนที่มาเล่นน้ำ และหากินหญ้าทะเลในระยะใกล้ๆ ได้ประมาณ 2-3 ตัว
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อพบเห็นพะยูนจะตื่นเต้นและประทับใจมาก จึงเป็นจุดขายที่สำคัญในขณะนี้ แต่หากทุกฝ่ายไม่เร่งหามาตรการในการป้องกันการลักลอบจับพะยูน ก็คงจะทำให้เกิดการสูญพันธุ์ไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน
ในขณะที่ นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง กล่าวว่า หลังจากตนทราบข่าวเรื่องการล่าพะยูนตัวล่าสุด ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปสืบหาข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน คงจะทราบผล แต่โดยเบื้องต้นในเขตห้ามล่าฯ ช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พบชาวประมงพื้นบ้านต่างถิ่นนำเรือเข้ามา 1 ลำ และมีลักษณะของการพยายามที่จะกระทำผิดกฎหมายประมง แต่ยังมิได้ทำการใดๆ จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่เรือลำดังกล่าวออกไปนอกเขตน่านน้ำตรัง
