ตราด- พบซากโลมาตายลอยกลางทะเลอ่าวตราด อีก 1 ตัว หลังพบเสียชีวิตเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา นายก อบต.แหลมกลัด เร่งประสานทุกหน่วยงาน, ชาวบ้าน, ชาวประมง ร่วมกันแก้ปัญหา
วันนี้ (25 มี.ค.) นายเสนอ จันทร์เสน รองประธานชมรมกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล บ้านสะพานหิน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด ได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่า พบซากโลมาเสียชีวิตอีก 1 ตัว ที่ลอยอยู่กลางทะเล จึงได้นำเชือกผูกและลากเข้ามายังชายฝั่ง พร้อมทั้งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง ทราบเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของโลมา
นายเสนอ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ มีชาวประมงในหมู่บ้านได้ออกทำการประมง และพบซากโลมาตายลอยอยู่ จึงแจ้งให้ตนเองทราบและนำเรือออกไปดู พบว่า ซากโลมาดังกล่าวมีความยาว 1.40 เมตร น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 30-40 กก.พันธุ์อิรวดี สภาพบริเวณหัวของโลมาเน่าเปื่อยเหลือแต่กะโหลกส่วนหัว และบริเวณลำตัวยังอยู่ครบ จึงได้นำเชือกผูกและลากเข้ามายังชายฝั่ง
นายไม เจริญผล ชาวประมงพื้นบ้าน ที่ทราบข่าวและเดินทางมาดูซากโลมาบอกว่า รู้สึกเสียดายที่พบโลมาเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งเมื่อ 2 วันที่แล้วก็เสียชีวิต 1 ตัว หากพบว่าโลมาเสียชีวิตบ่อยๆ แบบนี้ จะเป็นผลเสียต่อชาวประมง เพราะจะทำให้วิถีชีวิตเขาเปลี่ยนไปเหมือนกัน เพราะว่าทุกๆ ครั้งที่เรานำเรือประมงออกไปทำประมง ก็จะมีโลมาเหล่านี้ว่ายเป็นเพื่อนตลอด
ดังนั้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เข้มงวดกับเรือประมงอวนลาก อวนรุน ที่เข้ามาทำประมง และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลมาเสียชีวิต เพราะเมื่อโลมาติดอวนจะทำให้สำลักน้ำ และเสียชีวิตได้ อย่างวันนี้ก็พบเรืออวนลาก อวนรุน มาทำประมงอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องคอยดูว่าอีก 2-3 วัน จะพบโลมาเสียชีวิตอีกไหม
ส่วนเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง กล่าวว่า ตนไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ทำได้แต่เพียงนำซากโลมาไปพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตเท่านั้น
ขณะที่ นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายก อบต.แหลมกลัด กล่าวว่า ตอนนี้ต้องเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน และชาวประมงในพื้นที่อ่าวแหลมกลัด เพื่อให้ร่วมกันแก้ปัญหา และหาสาเหตุการเสียชีวิตของโลมาเหล่านี้ว่า สาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไรแน่ รวมทั้งต้องฝากให้ชาวประมงและชาวบ้านในพื้นที่ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล
สำหรับการพบซากโลมาเสียชีวิตในครั้งนี้ นับเป็นตัวที่ 10 ในรอบ 4 เดือน (โดยพบตัวแรกเมื่อ 19 ธันวาคม 2552) และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พบมีขนาดใหญ่ที่สุดยาวกว่า 2 เมตร และเว้นเวลามาเพียง 2 วัน พบอีก 1 ตัวเป็นตัวล่าสุด