ปัตตานี - ประมงพื้นบ้านปัตตานีวอนขอให้หน่วยงานเร่งปล่อยพันธุ์กุลาดำลงอ่าว และคลองสาธารณะ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำประมงในรอบอ่าวปัตตานี สามารถมีกุ้งให้จับเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวประมงพื้นบ้าน
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่บริเวณอ่าวปัตตานี ได้มีชาวประมงพื้นบ้านได้นำอวนออกไปลอยดักกุ้งอีกครั้ง ภายหลังมรสุมสงบเป็นปกติ เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวตามประสาของชาวประมงในรอบอ่าวปัตตานี ซึ่งจากการทำประมงเกือบทุกตำบลในรอบอ่าวปัตตานีนั้น ปรากฏว่ามีเพียงแต่กุ้งกุลาดำติดมากับอวนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนกุ้งอื่นนั้นมีน้อยมาก รวมทั้งสัตว์น้ำอื่นๆ ค่อนข้างที่จะหายาก
่
จึงทำให้เป็นทางเลือกให้กับชาวประมงพื้นบ้านกลับมานำอวนลอยกุ้งกุลาดำมากกว่า บางรายสามารถจับกุ้งกุลาดำได้มากถึง 5-10 กก.จึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือนำพันธุ์สัตว์น้ำปล่อยลงสู่อ่าวปัตตานี และในคลองสาธารณะ
นายอับดุลวาฮับ สะอิ ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.บาราโหม กล่าวว่า โดยสภาพอ่าวปัตตานีในปัจจุบันสัตว์น้ำนับวันยิ่งลดน้อยลง บางสายพันธุ์เริ่มจะหายจากไป อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มีการใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย มีการจับจองพื้นที่อ่าวฯ สร้างผลกระทบต่อการทำประมง ทำให้พื้นที่ทำประมงลดลงส่งผลต่อรายได้ของชาวประมงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่รวมถึงในช่วงมรสุมของทุกปีที่ไม่สามารถทำประมงได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี
โดยเฉพาะปีนี้ที่มีอากาศปรวนแปรมากกว่าปีที่ผ่านๆมา ยิ่งทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีสัตว์น้ำตามธรรมชาติให้จับได้เลย แต่วันนี้นับเป็นเรื่องโชคดีที่ศูนย์วิจัยพัฒนาประมงชายฝั่งปัตตานีได้นำพันธุ์กุ้งกุลาดำจำนวนเกือบ 3 ล้านตัวปล่อยลงอ่าวฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เมื่อครบ 3 เดือน ทำให้มีกุ้งกุลาดำตัวเต็มวัยในอ่าวฯ เพิ่มขึ้นทำให้ชาวประมงสามารถลอยอวนกุ้งกุลาดำ แทนการจับสัตว์น้ำอื่นจึงสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวประมงรายละไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ด้วยและต่อเนื่อง
นายซาการียา กูโน ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่เราสามารถมีกุ้งกุลาดำให้จับมาเป็นเดือนแล้ว หลังจากมรสุมสงบซึ่งสามารถนำเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว เพราะปัจจุบันถ้าหวังจะไปทำประมงอย่างอื่นคงต้องรออีกนานกว่าน้ำในอ่าวจะกลับมีสภาพเค็มเป็นปกติ เนื่องจากปีนี้มีน้ำจืดลงสู่อ่าวมากกว่าทุกปี
