เครือข่าย ปชช.ตะวันออกร้องให้ปลดอธิบดีมลพิษ

ระยอง - เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เรียกร้องให้ปลดอธิบดีมลพิษ ลั่นหากอุทธรณ์จะแบกคำพิพากษาเดินเท้า จากระยองเข้ากรุงเทพฯ ไปให้นายกรัฐมนตรีดู

วันนี้ (5 มี.ค.) นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เปิดแถลงข่าวสื่อมวลชนว่า นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และเป็นเลขาคณะทำงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นระเบียบที่รัฐบาล ต้องมีการอุทธรณ์ เนื่องจากได้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ถ้าไม่มีการอุทธรณ์

ในนามเครือข่ายฯ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ จากนายเจริญ เดชคุ้ม และพวกรวม 27 คน ผู้ฟ้องคดี ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศพื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ เห็นว่าถ้าไม่อุทธรณ์ไม่น่ามีผลกระทบชี้ชัดว่ารัฐเสียหาย เนื่องจากว่าการอุทธรณ์นั้นเป็นการประวิงเวลา ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน การประกาศเขตควบคุมมลพิษ มิได้หมายถึงว่ารัฐบาลต้องเสียงบประมาณ หรือจะเกิดความเสียหาย หนำซ้ำกลับทำให้รัฐบาลมีการกระจายอำนาจ ทำให้ท้องถิ่น จังหวัด และการมีส่วนร่วมของประชาชน จ.ระยอง มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง คำว่าถ้าไม่อุทธรณ์ ไม่มีข้อเงื่อนไขในเขตควบคุมมลพิษ ฉะนั้นเห็นสมควรให้ดำเนินการไปตามคำสั่งศาลปกครองระยอง เป็นประเด็นที่ชี้ชัดว่าไม่ส่งความเสียหายให้แก่รัฐ

ตัวอย่างมีให้เห็น เช่น พัทยา ภูเก็ต ก็ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ไม่เห็นว่ารัฐได้รับความเสียหาย สิ่งที่นายสุพัฒน์ พูดเป็นการพูดที่ไม่เข้าใจ กำลังหลงผิดประเด็น เนื่องจากอยู่ในฐานะที่ต้องเป็นผู้ควบคุมมลพิษและเป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่พยายามทำตัวเหมือนอธิบดีที่เกี่ยวข้องดูแลมลพิษหรืออธิบดีกรมสะสมมลพิษ ขอเรียกร้องให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาความไม่เหมาะสมในตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และให้ปลดหรือให้มีการตรวจสอบวินัยอีกทางหนึ่ง พร้อมที่จะยื่นหนังสือให้ ปปช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ นายสุพัฒน์ โดยด่วนคาดว่าจะไปยื่นหนังสือในวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม

นายสุทธิ กล่าวว่า กรณีที่สภาอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นายศุภชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ออกมาแถลงข่าวว่า ถ้ามีการประกาศเขตควบคุมมลพิษแล้ว จะทำให้พืชผลทางการเกษตร ผักผลไม้ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว จ.ระยอง เสียชื่อเสียง พวกเราขอประณามคำพูดของนายศุภชัย เพราะก่อนที่เราจะฟ้องร้องได้ทำการศึกษาวิจัยเอกสารมาโดยตลอด ศาลก็ได้ให้คำวินิจฉัยเชื่อข้อมูลเอกสารการวิจัย ก่อนที่จะมีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ศาลได้ศึกษาจากผลงานวิจัยหลากหลาย ดังนั้น เราอยากจะดูว่าสิ่งที่นายศุภชัยพูดมีผลการวิจัยอะไรมารองรับ อย่าพูดเพราะสักแต่พูด คำพูดแบบนี้เป็นการพูดที่สร้างความเสียหายแก่คนระยอง เราขอเรียกร้องให้นายศุภชัยรับผิดชอบในฐานะที่ออกมาแถลงข่าว

นายสุทธิกล่าวว่า ยังมีอีกหลายกลุ่มในเครืออุตสาหกรรม ที่กล่าวว่าเขตควบคุมมลพิษจะทำให้เกิดปัญหาต่อการลงทุน ผมคิดว่าการลงทุนในเขตควบคุมมลพิษก็สามารถลงทุนได้และเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ถึงเวลาแล้วการลงทุนใน จ.ระยอง ที่ผ่านมาได้กำไรมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมามากแล้ว สมควรที่จะตอบแทนคุณแผ่นดินระยอง ด้วยการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยี่สะอาด และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย อย่าบิดเบือนอ้างว่าเขตควบคุมมลพิษ เป็นการขัดขวางการลงทุนจะก่อให้เกิดการเลิกจ้างการทำงาน จะทำให้พืชผักผลไม้เสียหายนั้นขอให้เอาผลวิจัยออกมายืนยัน อย่าทำให้สังคมเข้าใจผิดในเขตควบคุมมลพิษ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มสภาอุตสาหกรรมเหล่านี้แสดงความรับผิดชอบในคำพูด และในวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปวางหรีด ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นการประจานให้คนเหล่านี้ให้สังคมรับทราบ

นายสุทธิกล่าวและว่า ชาวระยองได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ศาลได้ประทับรับฟ้องและอ่านคำพิจารณา เป็นบทพิสูจน์แล้วว่ามีมลพิษเกิดขึ้นจริง พี่น้องประชาชนได้รับปัญหาจริง หากรัฐบาลยังไม่เข้าใจและจะมีการอุทธรณ์ ในวันที่ 13 หรือ 14 มีนาคม เราจะเดินเท้านำคำพิพากษาจาก จ.ระยอง แบกคำพิพากษา มีการปราศรัย มีการพูดไปตลอดทาง จนถึงกรุงเทพฯไปให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นว่า ประชาชนระยองมีความต้องการและอยากเห็นการประกาศเขตควบคุมมลพิษ นำไปสู่การดูแล ลด และขจัดมลพิษ อย่างเป็นระบบ

สำหรับแผนลดและขจัดมลพิษที่อยากจะเห็น 1.ต้องโอนโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดใน จ.ระยอง มาจดทะเบียนที่ จ.ระยอง ให้หมด ภาษีจะได้ตกอยู่กับพี่น้องชาวระยอง 2.ต้องเอาชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้โรงงานออกจากพื้นที่นั้นให้หมด แล้วนำพื้นที่นั้นทำเป็นแนวกันชน (บัฟเฟอร์โซน) ปลูกต้นไม้ต้องงบประมาณมาเวณคืนที่ดินชาวบ้าน ชดใช้เงินตามความเป็นจริง 3.สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนลดและขจัดมลพิษอย่างเป็นระบบ