มหาสารคาม - พบหนุ่มใหญ่พิการถูกลูก-เมีย ทอดทิ้ง ให้อยู่กับพ่อแม่ที่แก่ชรา ตัดพ้อชีวิตตอนนี้เหลือแต่ลมหายใจ และรถ 3 ล้อข้างกาย
จากชีวิตที่มีเรียวแรงมีอยู่มีกิน ต้องกลับกลายเป็นหนุ่มพิการที่ถูกทอดทิ้งทั้งภรรยาและลูก เหลือแต่เพียงร่างกายกับลมหายใจเท่านั้น แต่ด้วยความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ทำให้ต้องคอยปรนนิบัติคอยช่วยเหลือลูกชายสุดที่รัก ที่มิอาจทอดทิ้งไปได้ถึงแม้ว่าสังขารร่างกายจะร่วงโรย
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 17 บ้านคลองใหม่ ต.หวาย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มีชายพิการแขนขาอ่อนแรง ถูกภรรยาและลูกทอดทิ้ง ให้เป็นภาระของพ่อและแม่ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบ นายบุญถม สังฆเภศ อายุ 50 ปี หนุ่มใหญ่พิการแขนขาอ่อนแรงเป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้าย ต้องใช้ไม้ค้ำยันร่างกาย อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพัง ซึ่งในช่วงกลางวันและเย็น แม่และพ่อจะห่อข้าวที่บางครั้งขอแบ่งจากเพื่อนบ้านมาส่ง เพราะทางบ้านฐานะยากจน
นายบุญถม สังฆเภศ เล่าว่า ตนกับภรรยาแต่งงานตั้งแต่ปี พ.ศ 2519 มีลูก 2 คน และได้พาภรรยาไปทำงานโรงงานแกะสลักหิน ที่จังหวัดนครราชสีมา แต่เมื่อถูกวิกฤตฟองสบู่แตกปี 2540 โรงงานที่ทำงานก็ปิดตัวลง เถ้าแก่ได้ให้ทุนมาก้อนหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์มาเปิดโรงงานเล็กๆ ที่บ้านเกิด ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับที่อยู่ปัจจุบัน จนเมื่อปี พ.ศ.2542 ขณะกำลังทำงานอยู่ตนเองก็เป็นลมหน้ามืด ญาติต้องพาส่งโรงพยาบาล
แต่เนื่องจากบ้านกับโรงพยาบาลอยู่ห่างไกลกว่า 30 กิโล กว่าจะถึงมือหมอก็สายเกินไป ทำให้ตนต้องเป็นอัมพฤกษ์ ในช่วงแรกภรรยาและลูก ก็ช่วยเหลือดูแลมาตลอด ไปหาหมออยู่ตลอดแต่ก็ยังไม่หาย ทำให้ต้องขายที่นา บ้าน และทรัพย์สินทุกอย่าง เพื่อเอาเงินมารักษาตนเอง จนเงินที่ใช้อยู่เริ่มหมด จึงตัดสินใจไปอยู่บ้านภรรยาที่จังหวัดร้อยเอ็ด
อยู่ได้ประมาณ 2 ปี ภรรยาก็ได้ว่าจ้างรถปิกอัพมาส่งที่บ้านที่อำเภอวาปีปทุม โดยบอกว่า ให้มาอยู่กับพ่อและแม่ของตน และจะได้มาเยี่ยมบ่อยๆ ตั้งแต่นั้นมาภรรยาและลูกก็หายหน้าไปเลยไม่ส่งข่าวมาให้ทราบ เงินก็ไม่มี มีเพียงรถสามล้อคู่ใจ ที่ได้มาจากคนเจ้าของเก่าที่พิการเหมือนกันเสียชีวิตลง และซื้อต่อมาในราคา 100 บาท
สงสารก็แต่พ่อแม่ที่ต้องมารับภาระเลี้ยงดูตนในตอนแก่ชรา ทั้งๆ ที่ตนต้องเป็นคนหาเลี้ยงพ่อแม่ บ้านที่อยู่ปัจจุบันก็เป็นบ้านของน้องชาย ไม่มีประตู มีเพียงอิฐบล็อกก่อไว้ หลังคาก็มีเพียงบางส่วน น้องชายตนเองทำงานอยู่กรุงเทพฯ ก็ส่งเงินมาใช้อยู่ เดือนละ 100 บาท บางครั้ง 2-3 เดือน ถึงส่งมาให้ รวมทั้งเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาทเท่านั้น
ในช่วงหลังเพื่อนบ้านพาไปหาหมอในตัวอำเภอวาปีปทุม หมอบอกว่า ตนเป็นต้อเนื้อ ต้องรักษาโดยการผ่าตัด แต่ตนไม่มีเงิน คงต้องวอนหน่วยงานของรัฐ หรือประชาชนผู้ใจบุญช่วยเหลือ ให้ตนกลับมามองให้ได้อย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ณ ขณะนี้ตนไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากลมหายใจ กับรถสามล้อ
ด้าน นางกำภา สังฆเภศ อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ เล่าว่า หลังจากที่ภรรยาและลูกของลูกชายได้หายไป ตนเองต้องมาทำหน้าที่คอยหาข้าวหาน้ำให้ลูกชาย แต่ด้วยความยากจน ทำให้บางวันต้องไปขอแบ่งข้าวจากเพื่อนบ้านมาให้ลูก บางวันก็ออกไปหาขุดปู ตามทุ่งนา หาอาหารป่า เพื่อที่จะได้มาให้ลูกชายตนเองได้กินเพื่อความอยู่รอด
ส่วน นายปั่น สังฆเภศ อายุ 74 ปี ผู้เป็นพ่อ ก็พิการทางหูก็ไปทำงานอะไรไม่ได้ วันๆ ก็นั่งสานไม้ไผ่ เช่น กระติ๊บข้าว หวดนึ่งข้าว ไซดักปลา พอได้เงิน 20-30 บาทมาซื้ออาหารประทังชีวิต และแบ่งให้ลูกได้กินด้วย