บุรีรัมย์ - เผยแม่วัย 72 ปีชาว อ.ปะคำ บุรีรัมย์ แบกรับภาระเลี้ยงลูกชายพิการเดินไม่ได้ 3 คนเพียงลำพังมานานกว่า 10 ปี จนได้รับรางวัล “แม่สู้ชีวิต” ภาคอีสาน แต่ด้วยสังขารแก่ชราและห่วงลูกพิการไม่สามารถไปทำงานนอกบ้านได้ มีเพียงเบี้ยคนชราและเบี้ยคนพิการพอได้ซื้อข้าวอาหารประทังชีวิตอยู่รอดไปวันๆ พ้อหากเป็นอะไรไปกลัวไม่มีใครดูแลลูก วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วานนี้(12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 5 ต.ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านไม้แบบยกสูงสภาพเก่าทรุดโทรมใกล้ผุพัง ที่นางเพ็ญ ปรีชากูล วัย 72 ปี อาศัยอยู่กับลูกชายป่วยเป็นโรคโปลิโอ มีสภาพร่างกายพิการเดินไม่ได้มาตั้งแต่กำเนิด 3 คน คือ นายถนอม ปรีชากูล อายุ 47 ปี นายสนอง ปรีชากูล อายุ 41 ปี และ นายสนิท ปรีชากูล อายุ 35 ปี
หลังสามีคู่ชีวิตเสียชีวิตลงเมื่อ 10 ปีก่อน นางเพ็ญต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูลูกชายพิการทั้ง 3 คนเพียงลำพัง แต่ด้วยสังขารที่แก่ชราลงทุกวัน ประกอบกับโรคประจำตัวรุมเร้า และด้วยความเป็นห่วงลูกที่พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จึงไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงดูลูกได้ มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท และเบี้ยคนพิการของลูกทั้ง 3 ที่พอได้ซื้อข้าวและอาหารประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น
หากวันไหนไม่มีเงินซื้ออาหาร นางเพ็ญก็จะเก็บผักที่ปลูกไว้ข้างบ้านมาทำกับข้าวให้ลูกกินประทังความหิว ด้วยความรักและเป็นห่วงลูกบางมื้อ นางเพ็ญต้องยอมอดข้าวเพียงเพื่อให้ลูกได้กินอิ่มท้อง ถึงแม้จะลำบากเพราะแต่ละวัน นางเพ็ญต้องคอยเช็ดตัว หุงหาอาหาร ป้อนข้าว ป้อนยาลูกชายทั้ง 3 คน แต่ก็ไม่เคยย่อท้อเพราะด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก ทำให้นางเพ็ญ ต้องอดทนต่อสู้เลี้ยงดูลูกที่พิการทั้ง 3 คนต่อไป
นางเพ็ญ ปรีชากูล เล่าว่า ตนและสามีมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 10 คน คลอดออกมามีสภาพร่างกายสมบูรณ์ 6 คน พิการ 4 คน โดยมีลักษณะเดียวกันพูดจารู้เรื่อง แต่ไม่สามารถเดินหรือช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งลูกทั้ง 6 คนที่มีสภาพร่างกายปกติต่างก็แยกย้ายไปอยู่กับครอบครัว ส่วนลูกที่พิการ 4 คน เสียชีวิตไปแล้ว 1 คนเมื่อปี 2541 ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3 คน แต่ก่อนที่สามีจะเสียชีวิตสามีจะออกไปทำงานรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่หลังสามีเสียชีวิต ทิ้งให้ตนต้องเลี้ยงดูลูกพิการเพียงลำพัง
“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ กลัวจะไม่มีคนดูแลลูกชายที่พิการทั้ง 3 คน หากฉันเป็นอะไรไป จึงอยากให้มีผู้ใจบุญหรือผู้มีจิตเมตตาได้รับอุปการะเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คนแทนเท่านั้น” นางเพ็ญกล่าวด้วยความท้อใจ
ด้าน นางสุรัตน์ วิชาคำ อายุ 37 ปี ประธานชุมชนบอกว่า ครอบครัวนี้มีฐานะยากจน ลูกที่มีสภาพร่างกายปกติก็แยกย้ายไปอยู่กับครอบครัว ต่างก็ดิ้นรนเลี้ยงครอบครัวเช่นเดียวกัน จึงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือแบ่งภาระของแม่ได้ ด้วยความเวทนาสงสารชาวบ้านและหน่วยงานราชการก็ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้บ้างแต่ก็ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ด้วยความรักและอดทนต่อสู้เลี้ยงดูลูกพิการทั้ง 3 ทำให้นางเพ็ญ ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล “แม่สู้ชีวิต 4 ภาค” ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ดังนั้น หากผู้ใจบุญหรือผู้มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือครอบครัว นางเพ็ญ ปรีชากูล ก็สามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีของ นางเพ็ญ ปรีชากูล บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารออมสิน สาขานางรอง หมายเลขบัญชี 06-4902-20-136000-4 หรือติดต่อ คุณอรนุช พัฒนาการอำเภอปะคำ หมายเลข 08-9406-6216
