xs
xsm
sm
md
lg

เติมใจให้กัน:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครั้งที่ 88
ความรู้จริงคู่จรณสมบัติที่ดีพาตัวรอด

อีกคราวหนึ่งเมื่อพระมหาโมคคัลลานะและพระลักขณะลงจากภูเขาคิชฌกูฏพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นเปรตซึ่งมีค้อนเหล็กจำนวนมากกระหน่ำลงบนศีรษะ ค้อนนั้นมีเปลวเพลิงโชติช่วง ศีรษะของเปรตนั้นเมื่อถูกค้อนเหล็กทำลายแล้วกลับปรากฏขึ้นใหม่เพราะแรงแห่งกรรมอันตนเคยทำไว้

พระมหาโมคคัลลานะเล่าเรื่องนี้เฉพาะพระพักตร์พระศาสดา พระบรมครูทรงรับรองท่ามกลางภิกษุสงฆ์ว่าเปรตนั้นมีจริง พระองค์เคยทรงเห็นแล้วเหมือนกันที่โพธิมณฑล เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามเรื่องบุพกรรมของเปรตนั้น ทรงเล่าว่า

ในอดีตกาลในกรุงพาราณสี มีชายเปลี้ย (คนพิการ) คนหนึ่ง มีความรู้ชำนาญมากในการดีดกรวดให้ปรากฏเป็นรูปต่างๆ บนใบไม้ หรือดีดกรวดให้เข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ

เขานั่งประจำอยู่ที่โคนไทรย้อยต้นหนึ่งใกล้ประตูเมืองพาราณสี เด็กชาวบ้านชอบมาล้อมดูเขาและขอร้องให้เขาดีดกรวดให้เป็นรูปต่างๆ บนใบไม้ เช่นรูปช้างบ้าง ม้าบ้าง เขาทำได้ตามประสงค์ของเด็ก พวกเด็กชอบใจให้ของเคี้ยวของกินแก่เขาพอยังอัตภาพให้เป็น ไปวันหนึ่งๆ

วันหนึ่ง พระราชาแห่งกรุงพาราณสีเสด็จประพาสพระราชอุทยาน เสด็จผ่านมาทางนั้น พวกเด็กๆ รู้เข้า พาบุรุษเปลี้ยซ่อนไว้ระหว่างย่านไทร แล้วพวกเขารีบหนีไป พระราชาเสด็จถึงตรงนั้นเวลาเที่ยงพอดี ทรงพักผ่อนใต้ต้นไทรย้อย ขณะนั้นแสงแดดซึ่งส่องผ่านรูโปร่งของใบไทรลงมาเป็นรูปช้างบ้างม้าบ้าง ทรงฉงนว่านี่อะไรกัน เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรใบไทร ทรงเห็นรูปต่างๆ มีรูปช้างเป็นต้น ทรงสนพระทัยตรัสถามว่า 'นี่เป็นฝีมือของใคร?'

เมื่อทรงทราบว่าเป็นฝีมือของบุรุษเปลี้ยชายพิการ จึงให้หาชายพิการนั้นมาเฝ้าทรงชมเชยฝีมือดีดกรวดของเขาและตรัสว่า'เรามีปุโรหิตคนหนึ่งพูดมากปากกล้า เราพูดคำหนึ่ง เขาพูดเสียยืดยาว เราไม่อาจให้เขาหยุดพูดได้ เอ็งสามารถหรือไม่ที่จะดีดมูลแพะเข้าปากปุโรหิตคนนั้นขณะเขาพูดอยู่กับเรา?'

'สามารถพระเจ้าข้า' บุรุษเปลี้ยกราบทูล

'ดีแล้ว' พระราชาตรัส 'เราจะได้เริ่มในวันพรุ่งนี้'

'พะย่ะค่ะ' ชายพิการทูลรับ

'เออ แล้วเอ็งจะให้ทำอย่างไร? คือต้องเตรียมอะไรบ้าง?'

'ไม่มีอะไรมากพะย่ะค่ะ ขอเพียงมูลแพะ 1 ทะนาน แล้วให้กั้นม่านไว้ เจาะรูม่านให้ตรงหน้าปุโรหิตพอมูลแพะผ่านได้'

ทุกอย่างเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นได้เวลาเข้าเฝ้า ปุโรหิตมาเฝ้าพระราชาอย่างเคย

พอพระราชาตรัสถามคำหนึ่งเท่านั้น เขาก็เริ่มพูดไม่หยุด แต่คราวนี้ ทุกๆ ครั้งที่เขาอ้าปากพูด ชายพิการผู้ชำนาญในการดีดกรวดก็ดีดมูลแพะเข้าปาก ปุโรหิตกลืนมูลแพะลงไปแล้วพูดต่อ เหตุการณ์ดำเนินไปทำนองนี้จนมูลแพะหมด 1 ทะนาน ชายพิการจึงเขย่าม่าน ด้วยสัญญาณนี้ พระราชาก็ทรงทราบว่ามูลแพะหมดแล้ว จึงรับสั่งกับปุโรหิตว่า

'ท่านอาจารย์ท่านพูดอะไรไปบ้างเราจำไม่ได้เลย เรารู้แต่เวลานี้ท่านกลืนมูลแพะเข้าไป 1 ทะนานแล้วยังไม่หยุดพูด ท่านพูดมากเกินไป'

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พราหมณ์ปุโรหิตก็กระดากเก้อเขิน กลายเป็นผู้สำรวม พูดน้อย ทูลตอบเฉพาะที่พระราชาตรัสถามเท่านั้น

พระราชาได้ความสบายพระทัย ทรงปลอดโปร่งหายความอึดอัดรำคาญใจเพราะความพูดมากของปุโรหิต ทรงอนุสรณ์ถึงคุณของบุรุษเปลี้ย รับสั่งให้เข้าเฝ้าตรัสว่า 'เราได้รับความสุขเพราะได้อาศัยความรู้ของท่าน' ดังนี้แล้ว พระราชทานปัจจัยแห่งชีวิตเป็นอันมากและพระราชทานบ้านส่วยถึง 4 ตำบล อันตั้งอยู่ 4 ทิศแห่งเมืองพาราณสี เพื่อเก็บส่วยหรือภาษีเลี้ยงตน

มหาอำมาตย์ผู้อนุศาสกอรรถธรรม แต่พระราชาได้ทราบเรื่องบุรุษเปลี้ยโดยตลอดแล้ว กล่าวคำนิยมขึ้นว่า

'ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่งที่บุคคลฝึกฝนให้ชำนาญแล้ว ย่อมให้สำเร็จประโยชน์ได้ เป็นที่พึ่งแก่ผู้มีได้ ท่านทั้งหลายจงดูเถิด ดูชายพิการมีศิลปะในการดีดกรวด เขาได้บ้านส่วยอันตั้งอยู่ 4 ทิศ เพราะอาศัยศิลปะนั่นเอง'

'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย' พระศาสดาตรัส 'ท่านทั้งหลายอาจสงสัยว่าธรรมมหาอำมาตย์ผู้นั้นคือใครกัน? อย่าสงสัยเลยภิกษุทั้งหลาย เขาผู้นั้นในบัดนี้ คือเราตถาคตนี่เอง'

ดูก่อนภราดา! โอกาสเปิดอยู่เสมอสำหรับบุคคลผู้รู้จริงและมีความสามารถจริง เขาจะไม่ตกต่ำ ดังนั้นเมื่อเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วควรให้รู้จริง และฝึกปรือให้มีความสามารถสูงในวิชาของตนๆ มีศิลปะในการทำให้ดีขึ้น วิชาและศิลปะนั้นแหละแม้เล็กน้อยเพียงใดก็จะช่วยผู้มีวิชาและศิลปะนั้นให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างดี ขอให้รู้จริงและมีความสามารถดีจริงเถิด แต่ต้องมีจรณสมบัติที่ดีด้วย มิฉะนั้นจะเอาตัวไม่รอด
กำลังโหลดความคิดเห็น