เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ดอกไม้นานาชนิดต่างอวดสีสันแต่งแต้มให้เมืองมีความ งดงามและอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม เพื่อต้อนรับเทศกาลของการแข่งขันการวาดภาพดอกไม้ประจำเมือง
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อชายพิการแขนขาดตั้งแต่กำเนิดร่วมลงประชันความสามารถ ในครั้งนี้ด้วย
“นี่ท่านไม่รู้จักประมาณตัวเองเลยรึ คิดจะมาประลองให้ลำบากตัวเองทำไม” ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาพูดจาถากถางสภาพร่างกายที่ไม่สมประกอบของชายพิการ
“ใช่.. จริงด้วย ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเองเสียจริง แต่เอาเถอะ หวังว่าหลังจาก นี้ไป ท่านคงจะรู้ตัวเสียทีว่าอะไรที่มันเกินกำลังย่อมไม่มีวันสำเร็จ ฮ่า...ฮ่า” เสียงหัวเราะ
เยาะเย้ยของชายอีกคน ดังเสียดแทงใจของชายพิการ เขาได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ โดยไม่พูดจา
หลังจากวันนั้น ชายพิการก็ฝึกฝนตนเองอย่างหนัก เขาใช้ยอดหญ้ามัดรวมกันเป็นแปรง ใช้ปากคาบ จุ่มสี และระบายลงบนกระดาษ เป็นดอกไม้นานาชนิด
ส่วนกลุ่มชายหนุ่มคู่แข่ง ต่างเสาะหาภู่กันชั้นดีจากต่างเมือง ซึ่งมีราคาสูง มีขนที่อ่อนนุ่ม และด้ามที่เป็นสีทอง สร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาว่า ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ในกลุ่มจะต้องได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นแน่
เมื่อถึงวันแข่งขัน กลุ่มของชายหนุ่มหยิบเอาอุปกรณ์ชั้นดีจากต่างเมืองขึ้นมาใช้ ส่วนชายพิการคาบภู่กันยอดหญ้าที่เหลืองอร่ามออกมา สร้างความตลกขบขันให้กับคนอื่นๆที่พบเห็น ชายพิการเริ่มวาดภาพตามที่ได้ฝึกฝนมาอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ สนใจคำพูดของคนอื่น จนสำเร็จเป็นภาพที่สวยงาม
ผลการตัดสินภาพวาดดอกไม้ประจำเมือง จากการให้คะแนนของชาวเมือง ซึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าผู้วาดภาพนั้นเป็นใคร ปรากฏว่ารางวัลชนะเลิศตกเป็นของชายพิการอย่างไม่คาดคิด
“ถ้าหากเรามีความตั้งใจที่ดีแล้ว อุปสรรคต่างๆจะไม่สามารถทำร้ายเราได้ ร่างกายที่สมบูรณ์ เครื่องมือที่เพียบพร้อม ไม่สำคัญเท่ากับการหมั่นฝึกฝน และความมุ่งมั่น อย่างแท้จริง” ชายพิการกล่าวในวันรับรางวัลและชูภู่กันทองซึ่งทำจากยอดหญ้าแห้ง ที่ใช้ในการวาดภาพจนได้รับรางวัล
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วบริเวณ ภาพดอกไม้ที่มีชีวิตชีวาของชายพิการ คือผลของความพยายามอย่างไม่ลดละ ซึ่งเขาได้เป็นผู้แสดงให้ชาวเมืองได้เห็นแล้วว่า แท้ที่จริงสิ่งที่สำคัญที่สุด คือจิตใจ หาใช่รูปกายภายนอกแต่อย่างใดไม่
.......
ความมุ่งมั่นพยายาม เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความขาดแคลน แต่หากมีจิตใจที่เข้มแข็งและความวิริยะอุตสาหะ ย่อมสามารถผ่านพ้นอุปสรรคนานาไปได้
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 88 มี.ค. 51 โดยไม้หอม)
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อชายพิการแขนขาดตั้งแต่กำเนิดร่วมลงประชันความสามารถ ในครั้งนี้ด้วย
“นี่ท่านไม่รู้จักประมาณตัวเองเลยรึ คิดจะมาประลองให้ลำบากตัวเองทำไม” ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาพูดจาถากถางสภาพร่างกายที่ไม่สมประกอบของชายพิการ
“ใช่.. จริงด้วย ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเองเสียจริง แต่เอาเถอะ หวังว่าหลังจาก นี้ไป ท่านคงจะรู้ตัวเสียทีว่าอะไรที่มันเกินกำลังย่อมไม่มีวันสำเร็จ ฮ่า...ฮ่า” เสียงหัวเราะ
เยาะเย้ยของชายอีกคน ดังเสียดแทงใจของชายพิการ เขาได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ โดยไม่พูดจา
หลังจากวันนั้น ชายพิการก็ฝึกฝนตนเองอย่างหนัก เขาใช้ยอดหญ้ามัดรวมกันเป็นแปรง ใช้ปากคาบ จุ่มสี และระบายลงบนกระดาษ เป็นดอกไม้นานาชนิด
ส่วนกลุ่มชายหนุ่มคู่แข่ง ต่างเสาะหาภู่กันชั้นดีจากต่างเมือง ซึ่งมีราคาสูง มีขนที่อ่อนนุ่ม และด้ามที่เป็นสีทอง สร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาว่า ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ในกลุ่มจะต้องได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นแน่
เมื่อถึงวันแข่งขัน กลุ่มของชายหนุ่มหยิบเอาอุปกรณ์ชั้นดีจากต่างเมืองขึ้นมาใช้ ส่วนชายพิการคาบภู่กันยอดหญ้าที่เหลืองอร่ามออกมา สร้างความตลกขบขันให้กับคนอื่นๆที่พบเห็น ชายพิการเริ่มวาดภาพตามที่ได้ฝึกฝนมาอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ สนใจคำพูดของคนอื่น จนสำเร็จเป็นภาพที่สวยงาม
ผลการตัดสินภาพวาดดอกไม้ประจำเมือง จากการให้คะแนนของชาวเมือง ซึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าผู้วาดภาพนั้นเป็นใคร ปรากฏว่ารางวัลชนะเลิศตกเป็นของชายพิการอย่างไม่คาดคิด
“ถ้าหากเรามีความตั้งใจที่ดีแล้ว อุปสรรคต่างๆจะไม่สามารถทำร้ายเราได้ ร่างกายที่สมบูรณ์ เครื่องมือที่เพียบพร้อม ไม่สำคัญเท่ากับการหมั่นฝึกฝน และความมุ่งมั่น อย่างแท้จริง” ชายพิการกล่าวในวันรับรางวัลและชูภู่กันทองซึ่งทำจากยอดหญ้าแห้ง ที่ใช้ในการวาดภาพจนได้รับรางวัล
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วบริเวณ ภาพดอกไม้ที่มีชีวิตชีวาของชายพิการ คือผลของความพยายามอย่างไม่ลดละ ซึ่งเขาได้เป็นผู้แสดงให้ชาวเมืองได้เห็นแล้วว่า แท้ที่จริงสิ่งที่สำคัญที่สุด คือจิตใจ หาใช่รูปกายภายนอกแต่อย่างใดไม่
.......
ความมุ่งมั่นพยายาม เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความขาดแคลน แต่หากมีจิตใจที่เข้มแข็งและความวิริยะอุตสาหะ ย่อมสามารถผ่านพ้นอุปสรรคนานาไปได้
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 88 มี.ค. 51 โดยไม้หอม)