ปราจีนบุรี - พบยอดคุณแม่วัย 89 ปี ตัวเองป่วยลำไส้อุดตันถ่ายอุจจาระทางหน้าท้องมากว่า 20 ปี อาชีพเหลาไม้ปิ้งไก่-เสียบลูกชิ้นขาย สุดอนาถต้องรับภาระเลี้ยงลูกชายพิการทางสมอง-หัวโตมาแต่กำเนิด พร้อมตาบอดและอัมพาตวัย 58 ปี อีก 1 คน วิงวอนหากตัวตายขอให้ลูกมีที่พึ่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายเฉลิม เกียรติบรรจง นักจัดรายการวิทยุชุมชนว่า พบยอดคุณแม่ชราภาพอายุ 89 ปี เลี้ยงดูลูกชายที่พิการทางสมองวัยกว่า 50 ปี ซึ่งมีสภาพหัวโตตาบอด 1 ข้างมาแต่กำเนิด และขณะนี้ก็เป็นอัมพาต ประกอบกับยอดคุณแม่วัย 89 ปีคนนี้ก็ตกงาน เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมแย่งอาชีพเหลาไม้ปิ้งไก่-ไม้เสียบลูกชิ้น ซึ่งเป็นอาชีพหลักของยอดคุณแม่ จนไม่มีแม่ค้าไม้ปิ้งไก่-ไม่เสียบลูกชิ้นมารับซื้อ ทำให้ชีวิตของแม่ลูกวัยชราคู่นี้อยู่อย่างลำบากมากขึ้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวและคณะได้เดินทางไปยังบ้านของยอดคุณแม่ผู้นี้ที่หมู่บ้านปากแพรก หมู่ที่ 3 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แยกจากถนนหน้าโรงงานแพนเวย์ไปตามทางลูกรังประมาณ 4 กม.เศษ พบเป็นบ้านไม้เดี่ยวชั้นเดียวยกสูงจากพื้นเกือบ 2 เมตร ฝาบ้านตีด้วยไม้แผ่นพอกันแดดกันลม แต่ฝนสาดเข้าได้ ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำปราจีนบุรี พบสองแม่ลูกอาศัยตามลำพัง 2 คนทราบชื่อฝ่ายคุณแม่ คือ นางนาค ปองชัย อายุ 89 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ 3 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และบุตรชายที่พิการทางสมอง พร้อมหัวศีรษะโตผิดปกติทั่วไปเกือบ 1 เท่าตัว ตาขวาบอด และเป็นอัมพาต โดยมีผู้เป็นแม่คอยบีบนวดคลายเส้นไม่ให้ยึดอยู่ข้างๆ
นางนาค เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีลูกรวมทั้งหมด 6 คน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว 3 คน เหลือ 3 คน ลูกชายที่พิการนี้เป็นลูกคนสุดท้องอยู่กับตนตามลำพัง ส่วนลูกที่เหลืออีก 2 คนแยกย้ายไปทำมาหากินที่ จ.ลพบุรี และ จ.สระแก้ว เนื่องจากฐานะยากจนสามีนั้นเสียชีวิตตั้งแต่ลูกคนเล็กอายุได้ 11 เดือน
ที่ผ่านมาหลังจากสามีเสียชีวิตตนก็ได้รับจ้างทำนา รับจ้างทั่วไป พออายุมากขึ้นทำงานหนักไม่ไหว ได้แต่รับจ้างเหลาไม้ปิ้งไก่-ไม้เสียบลูกชิ้นส่งแม่ค้าในตลาด แต่ภายหลังมีโรงงานอุตสาหกรรมทำไม้ลูกชิ้น-ไม้ปิ้งไก่ส่งมาขาย แม่ค้าจึงไม่รับซื้อ ทำให้หมดอาชีพ ต้องอาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับเดือนละ 500 บาท โดยจะมีกำหนดออก 6 เดือน/ครั้ง เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงลูกและชีวิตตัวเอง เพื่อปะทังชีวิตให้อยู่รอด พร้อมๆ กับความเมตตาที่เพื่อนบ้านหยิบยื่นให้ด้วยความสงสารเวทนา
“นอกจากลูกชายที่พิการแล้ว ตัวของยายเองก็ยังป่วยด้วยโรคลำไส้อุดตันผ่าตัดทางหน้าท้องในการถ่ายอุจจาระทางสายโดยป่วยมาระยะกว่า 20 ปี พร้อมโรคความดันโลหิตสูง ส่วนลูกชายพิการมาแต่กำเนิด โดยเกิดมาที่ศีรษะจับกดดูอ่อนยุบคล้ายมีน้ำอยู่ ต่อมาภายหลังได้โตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นคนหัวโตผิดปกติจากคนทั่วไป เวลานั่ง–ยืนก็ล้มลงตลอดจนถึงอายุ 4 ขวบก็มีอาการพิการทางสมองพร้อมกับตาขวาบอดพิการ ไม่มีดวงตามาแต่กำเนิด ล่าสุดก่อนหน้านี้ 3 เดือนลูกชายได้ป่วยและเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ดิฉันต้องรับภาระแบกใส่หลังพาเข้าห้องน้ำ เช็ดปัสสาวะ คอยดูแลบีบนวดไม่ให้เส้นยึดตายและนำไม้ไผ่มาตีเป็นราวเกาะให้ลูกชายหัดเดิน”
นางนาค กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพาลูกชายไปหาหมอรักษาอาการ เนื่องจากฐานะยากจนต้องดิ้นรนเลี้ยงลูกๆ มีเพียงหมอสถานีอนามัยที่แวะเวียนมาดูอาการของตนและลูกชายบ้าง เป็นห่วงลูกชายว่าหากตนเสียชีวิตก่อนแล้วเขาจะอยู่อย่างไร กับใคร ทุกวันนี้อยากให้ลูกชายหายจากอัมพาตและพอเดินได้บ้างเป็นสิ่งที่คนเป็นแม่เป็นห่วง แม้ทุกวันนี้จะมีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาดูแลบ้างแต่ทุกคนต่างดิ้นรนทำมาหากินกัน ยังไม่มีหน่วยงานราชการที่เข้ามาดูแลช่วยเหลือ