ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการสถานศึกษาทั่วภูมิภาคตะวันออกเร่งเข้าใจระบบบริการผ่านอินเทอร์เน็ต เผยนโยบายปี 52 เดินหน้า 2 เรื่องหลัก ชี้ดำเนินโครงการเข้าปีที่ 13 ปล่อยกู้ไปแล้ว 3 แสนกว่าล้านบาท ขณะเดียวกันทำการจัดเก็บผู้กู้รายเก่าได้แล้วกว่า 70% เผยปี 52 อนุมัติวงเงินอีก 36,600 ล้านบาท ให้นักเรียน-นักศึกษาได้กู้ยืม ตั้งเป้าผู้กู้เพิ่มในปีนี้อีก 2 แสนกว่าราย
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี รศ.นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการระบบ e-Studentloan เพื่อชี้แจงนโยบายการดำเนินงานให้กู้ยืมแบบ กยศ. แก่ผู้ปฏิบัติงานสถานศึกษาและเจ้าหน้าที่เขตพื้นที่การศึกษาในกลุ่มภาคตะวันออก
ทั้งนี้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา กยศ.พบว่าปัญหาต่างๆ ในระบบการกู้ยืม e-Studentloan ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความรู้ ความเข้าใจของนักเรียนนักศึกษา และสถานศึกษา เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ในการทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
กยศ.ได้กำหนดเปิดระบบ e-Studentloan ให้นักเรียน นักศึกษาที่มีรหัสผ่านแล้ว ได้เข้ายื่นแบบคำขอกู้ยืมผ่านเว็บไซต์ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป
ในปีนี ระบบจะจัดลำดับให้แก่ผู้ที่เข้ายื่นขอกู้ก่อนให้มีสิทธิได้กู้ยืมก่อน โดยสถานศึกษาต้องพิจารณาคัดเลือกให้อยู่ในจำนวนจัดสรรตามที่กองทุนฯ กำหนดเท่านั้น โดยนักเรียน-นักศึกษาจะสามารถเบิกถอนเงินค่าครองชีพงวดแรกได้ภายใน 3 วัน หลังจากสถานศึกษายืนยันข้อมูลผ่านระบบ
งวดต่อไปจะได้รับเงินในแต่ละเดือนตรงกับวันที่ได้รับเงินโอนวันแรก และสถานศึกษาจะได้รับเงินค่าเล่าเรียนภายใน 15 วัน นับจากวันที่สถานศึกษาจัดส่งสัญญากู้ยืมถึง บมจ.ธนาคารกรุงไทย โดยผู้กู้ยืมและสถานศึกษาจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ตามขั้นตอนและวิธีการของระบบ ซึ่ง กยศ.ก็พร้อมที่จะโอนเงินให้ทันที เพื่อเป็นการลดความเครียดและความกังวลใจเรื่องค่าใช้จ่ายทางการศึกษา โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สายใจ กยศ. โทร. 0-2610-4888 หรือที่เว็ปไซต์ www.studentloan.or.th
รศ.นพ.ธาดา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2539 มาถึงปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 13 กยศ.ได้อนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปแล้ว 3 แสนกว่าล้านบาท รวมจำนวนผู้กู้ทั้งหมดที่ร่วมโครงการประมาณ 3 ล้านคน และสำเร็จการศึกษาไปแล้ว 2 ล้านกว่าคน ทั้งนี้ที่ผ่านมามีผู้มาติดต่อขอชำระเงินกู้ดังกล่าวรวมถึงมีการจัดเก็บไปแล้วเฉลี่ย 70% ของผู้กู้ทั้งหมด คิดในส่วนเม็ดเงินที่ยังไม่ได้รับประมาณ 5,000 กว่าบาท เนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ และรายได้ของผู้กู้ยืมที่ยังไม่เพียงพอ รวมถึงผู้ที่ไม่กระตือรือร้นและให้ความสำคัญเรื่องการคืนเงินซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 5 แสนราย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้มาติดต่อคืนเงินกู้และปิดบัญชีไปแล้ว คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้เยาวชนไทยเรียนฟรีนั้น ก็ไม่ได้กระทบกับ กยศ.แต่อย่างใด เพราะรัฐบาลช่วยในเรื่องของค่าเล่าเรียน แต่สถานศึกษาก็ยังมีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าธรรมเนียมการศึกษา ตรงจุดนี้ กยศ.สามารถช่วยเหลือได้ นับเป็นความสอดคล้องกันระหว่างการดำเนินโครงการ กยศ.กับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้
รศ.นพ.ธาดา กล่าวด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา กยศ.ได้อนุมัติวงเงินการให้กู้ยืมรวมทั้งสิ้น 30,000 หมื่นล้านบาท และในปี 52 นี้จะเพิ่มวงเงินกู้ยืมเป็น 36,600 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 66,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าผู้กู้ยืมในปีนี้เพิ่มอีกประมาณ 2 แสนราย ซึ่งนับว่าเป็นการขยายขอบเขตความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศให้ดียิ่งขึ้น
ในปี 52 กยศ.มีนโยบายในการดำเนินการใน 2 หัวข้อหลัก คือ การขยายจำนวนผู้ยืมและเพิ่มวงเงินการให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และการให้กู้ยืมในส่วนของนักเรียนนักศึกษาสายอาชีพได้มีการกู้ยืมได้มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันตลาดแรงงานในประเทศไทยนับว่ามีความขาดแคลนเป็นอย่างมาก จึงหวังจะเพิ่มและส่งเสริมศักยภาพเรื่องดังกล่าวด้วย
“ในวันที่ 22-24 มีนาคม 2552กยศ.ได้ร่วมกับสำนักงานระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม และศาลแขวงจังหวัดชลบุรี ในการจัดการไกล่เกลี่ยและให้ข้อมูลสำหรับผู้ที่ยังคงค้างชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษานานกว่า 5 ปีในเขตจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีรวมทั้งสิ้น 2,000 กว่าคน กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ที่สำนักงานศาลแขวงจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จะมาให้ความรู้เรื่องต่างๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องการผ่อนจ่ายให้ผู้กู้ยืม โดยมีกลไกให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ยังค้างชำระและเกรงว่าจะมีปัญญาอื่นๆ ตามมาด้วยเช่นกัน” ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ระบุ