เชียงราย – ไทยโวยเม็กกะโปรเจกต์ 3,000 ล้านดอลลาร์ฯ ริมน้ำโขง ติดสามเหลี่ยมทองคำเขต สปป.ลาว เร่งขุดทรายกลางน้ำโขง 24 ชั่วโมงเพื่อใช้ก่อสร้าง ทำร่องน้ำลึกเปลี่ยน กระทบเขตแดน –ท่าเรือตื้นเขิน ขน.เชียงราย ทำเรื่องเสนอ 3 หน่วยงาน ชงเรื่อง JCCCN ลงตรวจข้อเท็จจริงผิดข้อตกลงการเดินเรือพาณิชย์ลุ่มน้ำโขงหรือไม่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในปัจจุบันโครงการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจการค้าและบริการครบวงจรในเขตบ้านต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่มีแม่น้ำโขงเป็นเขตพรมแดนยังคงรุดหน้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการจัดงานเปิดตัวส่วนการค้าบริเวณเกาะดอนซาว ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขงตรงกันข้าม ต.เวียง อ.เชียงแสน ในวันที่ 8-14 ก.พ.นี้ ด้วย
อย่างไรก็ตามพบว่าโครงการดังกล่าวได้มีการขุดเจาะนำทรายตามหาดทรายต่างๆ ในแม่น้ำโขงขึ้นไปใช้ในโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นจุดที่มีการสร้างท่าเรือ และปัจจุบันหันไปขุดทรายอย่างหนักบริเวณตรงกันข้ามที่ทำการของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย และหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน
เนื่องจากกลุ่มดอกงิ้วคำซึ่งเป็นเอกชนจากประเทศจีนที่เข้าไปสัมปทานจาก สปป.ลาว บนเนื้อที่ทั้งหมด 827 เฮกเตอร์หรือประมาณ 5,168.75 ไร่ ในเขตเมืองต้นผึ้ง ได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนไปกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าและบริการอย่างครบวงจรจึงมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มากมาย เช่น โรงแรม อาคารพาณิชย์ สนามกอล์ฟ 36 หลุม ร้านอาหาร ท่าเรือในแม่น้ำโขง เขตดิวตี้ฟรีโซนบนเกาะดอนซาวฯลฯ รวมทั้งหมดจากทั้งหมด 34 โซน อย่างไรก็ตามการโหมขุดทรายเพื่อนำไปใช้ในโครงการดังกล่าวก็ทำให้ฝ่ายไทยเกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในฝั่งไทยด้วยเช่นกัน
นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ระยะที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เอกชนในฝั่ง สปป.ลาว โหมขุดทรายอย่างหนักตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างดังกล่าว ทำให้ทาง ขน.เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อร่องน้ำลึกในแม่น้ำโขงโดยอาจถึงขั้นทำให้ท่าเรือน้ำลึกของไทยที่ อ.เชียงแสน ในปัจจุบันเกิดภาวะตื้นเขินไม่สามารถใช้งานได้จนต้องเสียงบประมาณในการขุดลอกกันใหม่
นอกจากนี้ยังอาจทำให้ร่องน้ำลึกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาเรื่องการปักปันเขตแดนเปลี่ยนแปลงไปและร่องน้ำลึกจะเข้าใกล้ฝั่งไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันในฤดูน้ำหลากก็จะทำให้แม่น้ำเปลี่ยนทิศทางเข้ากัดเซาะตลิ่งฝั่งไทยในจุดที่เลยเขตเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน ลงไปซึ่งไม่มีการสร้างเป็นพนังหรือเขื่อนกั้นน้ำเหมือนในเขตเทศบาลด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ขน.เชียงราย ได้ทำหนังสือ 3 ฉบับถึงสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงราย ในฐานะเป็นเลขานุการคณะกรรมการเกี่ยวกับการดูดทรายในแม่น้ำโขง เพื่อให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าการขุดทรายในแม่น้ำโขงของทาง สปป.ลาว ดังกล่าวจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด ฉบับที่ 2 ส่งไปถึงกรม ขน.เพื่อพิจารณาว่าการขุดทรายครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงว่าในการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง 4 ชาติคือไทย สปป.ลาว พม่าและจีนตอนใต้ หรือไม่
ซึ่งก็ผลักดันให้ทางคณะกรรมการประสานการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (JCCCN:The Joint on Coordination of Commercail Navigation on the Lancang-Mekong River among China,Laos,Myanmar and Thailand) ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
และฉบับที่ 3 ส่งถึงนายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนได้พิจารณาต่อไป ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพราะลำพังทาง ขน.ก็คงจะอาศัยหน่วยงานต่างๆ ดังกล่าวส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ หากท้ายที่สุดพบว่ามีการกระทำที่ผิดจริงก็ต้องขอให้มีการหยุดการขุดทรายดังกล่าวออกไปก่อนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบตามที่ระบุ