เชียงราย - กลุ่ม “ดอกงิ้วคำ” จากจีน เดินหน้าปลุกปั้นกาสิโนยักษ์ และสารพัดโครงการ พร้อมสร้างชุมชนใหม่ริมน้ำโขงฝั่ง สปป.ลาว แถบสามเหลี่ยมทองคำต่อเนื่อง คาดอีก 10 ปีเสร็จสมบูรณ์ มีคนเข้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ฝันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงตอนบน ล่าสุดกลุ่มห้างสรรพสินค้าจากไทยขอเอี่ยวเปิดห้างด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาคมท่องเที่ยวเชียงรายนำโดย นายอภิชา ตระสินธ์ นายกสมาคมฯ ได้นำคณะกรรมการจัดทำโครงการเยี่ยมเยียนสมาชิกสมาคมฯ พื้นที่ อ.เชียงแสน และได้ข้ามไปเยี่ยมชมกิจการของโรงแรมโกลเด้นไทรแองเกิ้ลพาราไดซ์รีสอร์ท ซึ่งอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ ฝั่งเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ก่อนข้ามไปเยี่ยมชมโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )ซึ่งกลุ่มดอกงิ้วคำ จากประเทศจีนเข้าไปเช่าจากรัฐบาล สปป.ลาว เป็นเวลา 99 ปี บนเนื้อที่กว่า 7,500 ไร่
ทั้งนี้ พบว่า โครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development มีการพัฒนาคืบหน้าต่อเนื่อง โดยมีการตัดถนนภายในโครงการด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กจนครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ รวมทั้งเชื่อมถนนจากโครงการไปเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ต่อกับถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ รวมทั้งมีอาคารสถานที่ต่างๆ มากขึ้น
โดยเฉพาะอาคารกาสิโนหลังใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ติดหลังเดิมและโรงแรมขนาด 700 ห้อง ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม หลังคาบนสุดเป็นทรงมงกุฎสามารถมองเห็นได้อย่างโดดเด่น ภายในมีความกว้างขวางและมีนักนักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นการพนันต่างๆ อยู่เต็ม ขณะที่ภายในมีห้องอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย
นอกจากนี้คณะได้เข้าพบนายจ้าว เหว่ย ประธานบริษัทจินมูเหมิน จำกัด ที่รับผิดชอบโครงการนี้ รวมทั้งฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าโครงการฯ จากนายเจิ้น ซิน หัวหน้าบัญชีและการประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยนายเจิ้น ได้ระบุว่า โครงการมีกำหนดจัดงานเทศกาลดอกงิ้วบานระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-2 ก.พ.นี้ ณ เกาะดอนซาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโดยภายในงานมีการแสดงทางวัฒนธรรมและบันเทิงต่างๆ มากมาย
นายเจิ้น กล่าวว่า โครงการให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวมาก และเห็นว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากประเทศไทยมีความสำคัญ สามารถร่วมมือกับโครงการในการพัฒนาการท่องเที่ยวได้อีกมาก ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการได้แบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 โซนคือโซน A เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเน้นด้านการค้า พาณิชยกรรม กาสิโน ฯลฯ โซน B เป็นกิจการท่าเรือ โซน C เป็นกิจการด้านวัฒนธรรม โซน D เป็นกิจการด้านโบราณสถาน และโซน E เป็นเขตการท่องเที่ยวธรรมชาติ มุ่งเป็นศูนย์กลางเส้นทางการท่องเที่ยวจากไทย-สิบสองปันนา และหลวงพระบาง รวมทั้ง จ.เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ของประเทศไทยด้วย
"อีกประมาณ 10 ปีโครงการก็จะเสร็จสมบูรณ์และจะมีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นถึงกว่า 200,000 คน และเราเห็นว่าด้านการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาพื้นที่นี้มาก ปัจจุบันก็คืบหน้าไปอย่างต่อเนื่องทั้งการเกษตร โรงแรม บ่อนคาสิโน ฯลฯ ล่าสุดห้างสรรพสินค้าเอดิสัน จากประเทศไทย ก็เตรียมจะไปเปิดกิจการในโครงการ ขณะเดียวกันมีกลุ่มทุนจีนหลายกลุ่มสนใจเข้าไปลงทุนแต่ปัจจุบันบริษัทเรายังเป็นรายใหญ่ที่สุดในโครงการ" นายเจิ้น กล่าว
สำหรับการพัฒนาเขตการท่องเที่ยวในโครงการนี้ได้แบ่งออกเป็น 6 โซน ได้แก่โซน 1 จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับขุนส่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับชายแดนด้านนี้ โซน 2 เกาะดอนซาวโดยเกี่ยวข้องกับดอกงิ้วและตลาดสินค้าชายแดน โซน 3 ชุมชนพม่าโดยจัดให้เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับชาวพม่า 4.โบราณสถานอาณาจักรสุวรรณโคมคำ โซน 5 ท่าเรือบ้านมอม ซึ่งมีตลาดและชุมชนชาวลาวด้วย และโซน 6 ธรรมชาติของสวนป่าและไม้ดอกไม้ประดับ
ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการได้ร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนเข้าไปพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาทุกโซนคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและอยากให้เอกชนไทยเข้าไปลงทุนในโครงการร่วมกัน
ด้านนายอภิชา กล่าวว่า โครงการลงทุนของกลุ่มทุนจีนนี้ จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชายแดนด้านเชียงราย อย่างแน่นอน ดังนั้น สมาคมฯ จึงต้องเข้ามามีบทบาทในความร่วมมือดังกล่าว ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่าปัจจุบันโครงการคืบหน้าไปแล้วกว่า 30-40% แต่ก็มีผลถึงขนาดนี้โดยมีคนไทยเดินทางข้ามไปทำงานเป็นจำนวนมากและมีการใช้วัสดุจากฝั่งไทยมากมาย หากโครงการแล้วเสร็จก็ย่อมมีผลอย่างมากเช่นกัน