เชียงราย - ทูตจีนนำทีมตัวแทนหลายหน่วยงานจากหยุนหนัน ออนทัวร์เส้นทาง R3a พร้อมนัดประชุมร่วมไทยที่เชียงแสน แต่เจอปมด่านฯเชียงแสน-ต้นผึ้ง สปป.ลาว ไร้ข้อตกลงข้ามแดน ทำเวทีหารือล่ม
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จ.อ.อนิรุต จำรูญ หัวหน้าขนส่งทางน้ำที่ 1 สาขาเชียงราย ได้รับการประสานงานจากคณะของ Mr.Gao Wantuan อัคราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจและการค้า สาธารณประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เย็นวันที่ 8 มิ.ย.54 ขอเข้าประชุมหารือกับคณะ จ.เชียงราย ณ ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจและการค้า ซึ่ง จ.เชียงราย มีการค้ากับจีนตอนใต้ปีละจำนวนมหาศาล
คณะจากประเทศจีนได้เดินทางมาทางรถยนต์ จากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ มาตามถนน R3a ผ่านแขวงหลวงน้ำทา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว จนถึงเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อ.เชียงของ โดยเข้าเยี่ยมโครงการของกลุ่มทุนดอกงิ้วคำ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทจิน มู่ เหมิน จำกัด จากประเทศจีน ภายใต้ชื่อ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone เพื่อสร้างโรงแรม บ่อนกาสิโน เขตการค้า ท่าเรือ เขตพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมแปรรูป พื้นที่การเกษตร ฯลฯ ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ก่อนที่จะข้ามมายังฝั่งตรงกันข้ามคือ อ.เชียงแสน
กระทั่งช่วงเย็นคณะจากประเทศจีน ได้แจ้งจะข้ามฝั่งมายัง อ.เชียงแสน แต่ปรากฏว่าด่านสากลที่สามเหลี่ยมทองคำของ สปป.ลาว กับจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงแสน ไม่ได้มีการทำข้อตกลงในการข้ามแดนกันอย่างเป็นทางการ จึงทำให้คณะทั้งหมดต้องเดินทาง กลับไปเมืองห้วยทรายซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 58 กิโลเมตรอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เสียเวลาจนถึงเย็น จึงมีการติดต่อประสานงานกับคณะของทาง จ.เชียงราย ซึ่งรออยู่ที่ท่าเรือแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 โดยมีนายสุรชัย ลิ้นทอง ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นำคณะหัวหน้าส่วนราชการรออยู่ โดยขอเลื่อนการนัดประชุมออกไปก่อนทำให้การประชุมยกเลิกไปโดยปริยาย
จ.อ.อนิรุต กล่าวว่า เราจำเป็นต้องขอเลื่อนการระชุมหารือกันไปก่อน เพราะเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดเวลาการประชุมและแจ้งเชิญหน่วยงานส่วนราชการต่างๆ เอาไว้
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้เตรียมรายความคืบหน้าด้านท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 แก่ที่ประชุมด้วย โดยเป็นท่าเรือแห่งใหม่ที่ใช้ทดแทนแห่งแรก ที่คับแคบและอยู่กลางใจเมืองเชียงแสน โดยปัจจุบันกรมเจ้าท่าได้ว่าจ้างเอกชนทำการก่อสร้างตรงปากแม่น้ำกก ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เนื้อที่ 402 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา ด้วยงบประมาณ 1,546,400,000 ล้านบาท กำหนดก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2552-28 ธ.ค.2554 ซึ่งหลังโครงการแล้วเสร็จหน่วยงานแดน เช่น ศุลกากร เจ้าท่า การท่าเรือ ฯลฯ จะย้ายไปยังท่าเรือใหม่ดังกล่าว
สำหรับรูปแบบโครงการจะมีการสร้างท่าเทียบเรือ 5 จุด คือ ท่าเรือแบบทางลาด 2 ระดับ ด้านทิศเหนือยาว 300 เมตร และทิศใต้ยาว 300 เมตร ท่าเรือแนวดิ่งภายในแอ่งจอดเรือยาว 629 เมตร บริเวณต่อกับแอ่งจอดเรือด้านทิศเหนือยาว 554 เมตร บริเวณต่อกับแอ่งจอดเรือด้านทิศใต้ยาว 300 เมตร และท่าเรือสำหรับเรือตรวจการณ์ยาว 226 เมตร โครงการป้องกันตลิ่งเป็นเขื่อนกันตลิ่งยาวรวม 3,447 เมตร โดยแยกเป็นเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำโขงยาว 500 เมตร เขื่อนป้องกันตลิ่งเกาะช้างตายซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขงยาว 765 เมตร เขื่อนป้องกันตลิ่งสองฝั่งแม่น้ำกกด้านละ 660 เมตรและ 1,525 เมตรตามลำดับ
นอกจากนี้ จะมีการขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำโขงกว้าง 40 เมตร ยาว 1.4 กิโลเมตร ลึก 1.5 เมตร จากระดับน้ำต่ำสุด และขุดลอกส่วนที่เป็นแอ่งจอดเรือ จึงทำให้จะมีการขุดลอกดินขึ้นมาทั้งสิ้น 1,050,000 ลูกบาศก์เมตร และจะมีการขุดลอกบำรุงรักษาประจำปีประมาณ 181,700 ลูกบาศก์เมตร
ส่วนงานด้านอาคารมีทั้งอาคารสำนักงานท่าเรือและอาคารเอนกประสงค์ โรงพักสินค้า สำนักงานโรงพักสินค้าประตูทางเข้า ฯลฯ ลานจอดรถพักรอพื้นที่รวม 26,600 ตารางเมตร งานก่อสร้างถนนยาวรวม 4,036 เมตร นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆ เพื่อสำรองเอาไว้และเก็บกองดินทรายที่ขุดลอกขึ้นมาใหม่โดยคำนวณปริมาณดินตะกอน ที่สามารถรองรับได้ 605,146.54 ลูกบาศก์เมตร
ส่วนการค้าชายแดนผ่านทางท่าเรือแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน ตั้งแต่เดือน ต.ค.2553 จนถึง เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีนตอนใต้ ยังมีพม่า และ สปป.ลาว โดยเป็นการการส่งออกสินค้าจำนวน 4,982 ล้านบาท คาดว่าเมื่อครบปีจะมีมูลค่ามากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะตลอดทั้งปีงบประมาณ 2553 มีการส่งออกมูลค่า 5,630 ล้านบาท ส่วนนำเข้ามีมูลค่า 736 ล้านบาท