เชียงใหม่ – รักเชียงใหม่ 51 อ้างเฉย มือตบอุปนายกศิษย์เก่า มช.-ขับรถพุ่งชนตำรวจ เป็นเสื้อแดงนอกกลุ่ม พร้อมกลบกระแสยื่นหนังสือผู้ว่าฯสอบ “ภูผาฟ้าน้ำ” รุกป่า ด้านผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ ยันมีเอกสารครอบครองสิทธิถูกต้องพร้อมให้ตรวจสอบ
วันนี้ (26 ม.ค.) นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มประมาณ 30 คน เดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่มารับหนังสือแทน
นายเพชรวรรต กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกรณีพุทธธรรมสถานภูผาฟ้าน้ำ ว่ามีหลักฐานการครอบครองสิทธิ์ และบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมทั้งหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้เวลาตรวจสอบ 15 วันหลังจากนั้นจะเดินทางมาฟังคำตอบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้ปืนยิงยางรถของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 24 มกราคม 2552 ออกนอกพื้นที่ทันทีด้วย และให้สอบสวนว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ และเปิดเผยชื่อต่อกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และประชาชนให้ได้รับทราบด้วย
นายเพชรวรรต กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายร่างกายอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในส่วนของกลุ่มพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาผู้ที่กระทำผิดดังกล่าวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนที่ทำร้ายร่างกายไม่ใช่กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 อย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน เพราะวันดังกล่าวมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายพื้นที่เข้ามาร่วมขับไล่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำนวนมาก
“คนที่ทำร้ายร่างกายและขับรถพุ่งชนตำรวจ ไม่ใช่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แน่นอน เพราะเราเห็นหน้ากันประจำและรู้จักกันทุกคน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน ที่มาจากพื้นที่อื่น” นายเพชรวรรต กล่าว
นายเพชรวรรต กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการชุมนุมเพื่อขับไล่บุคคล หรือคนที่เกี่ยวข้องในคณะรัฐบาลนั้น จะเลือกเฉพาะคนที่สร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติเท่า โดยจะเจาะจงลงไปเฉพาะบุคคลมากกว่า ซึ่งบุคคลที่ไม่สร้างความสามารถเดินทางมาราชการหรือทำธุระที่จังหวัดเชียงใหม่ได้
ด้าน นางฟ้างาย คำอโศก ผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวนั้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกเวลา และขอยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานการครอบครองสิทธิอย่างชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การที่กลุ่มเสื้อแดงถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้นจึงถือว่าเข้าข่ายบุกรุก เพราะไม่มีอำนาจในการดำเนินการ รวมทั้งทำลายทรัพย์สินก็ยังเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย ซึ่งมีความผิดเช่นกัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วย