xs
xsm
sm
md
lg

ทำไม “สนธิ” ฆ่าไม่ตาย

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

3 มิถุนายน 2514

เด็กชายตัวเล็กๆ ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่ได้ยินเสียงปืนที่ดังสนั่นในค่ำคืนนั้น เด็กน้อยถูกปลุกขึ้นในยามรุ่งสางก่อนตะวันจะเบิกฟ้า แล้วพบว่า มีร่างหนึ่งนอนคลุมผ้าขาวอยู่บนเตียงเล็กพร้อมกับมีกระถางธูปอยู่ใกล้ๆ

เมื่อมีมือหนึ่งคลี่ผืนผ้าบริเวณใบหน้า เด็กน้อยจึงรู้ว่า ร่างที่นอนนิ่งอยู่นั้นคือ บิดาของตัวเอง

นี่เป็นฉากในชีวิตจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน บิดาของเด็กชายคนนั้นเป็นนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกับคุณสุรินทร์ มาศดิตถ์ ที่ได้กล่าวคำรำลึกถึงไว้อย่างงดงามในงานศพบิดาของเขา

เด็กชายคนนั้นเมื่อโตขึ้น เมื่อเห็นชายวัยใกล้เคียงกันกับบิดาของเขาที่จากไปในวัยเพียงสี่สิบ เขามักจะนึกว่า ถ้าบิดาเขามีอายุมากถึงขนาดนี้จะมีสุขภาพ รูปลักษณ์ กระทั่งจะมีความคิดอย่างไรต่อสังคมวันนี้

และแม้การตายครั้งนั้นเป็นเพียงการจากไปของนักหนังสือพิมพ์เล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็ทำให้เด็กชายคนนั้นติดอยู่ในใจเสมอมาว่า ทำไมคนเราต้องเข่นฆ่ากัน

17 เมษายน 2552

ก่อนหกโมงเช้า บรรณาธิการข่าวอาชญากรรมของสถานีโทรทัศน์ ASTV โทร.มาแจ้งว่า “พี่ๆ คุณสนธิ ถูกยิง ตอนนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว”

ผมรีบล้างหน้าสตาร์ทรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้รับแจ้งว่า ตอนนี้คุณสนธิถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระแล้ว

เมื่อผมไปถึงก็ทราบว่า คุณสนธิอยู่ในอาการที่ไม่อันตรายนักและหมอกำลังเตรียมจะนำคุณสนธิเข้าห้องผ่าตัด ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดคุณสนธิยังมีกระจิตกระใจเรียกผมไปสั่งงานว่า เอาข่าวพี่และรูปขึ้นเว็บด้วย

ไม่เพียงแต่เท่านั้น ตอนที่โดนยิงใหม่ๆ คุณสนธิเดินมาจากรถ ยังสั่งให้คนติดตามที่มีกล้องติดตัวไปด้วย ถ่ายร่างที่กำลังชุ่มเลือดเอาไว้ ซึ่งเป็นภาพที่เราได้เห็นกันในเวลาต่อมา

นี่คือสัญชาตญาณและจิตวิญญาณของคนหนังสือพิมพ์โดยแท้

แต่คุณสนธิวันนี้ไม่ใช่นักหนังสือพิมพ์หรือสื่อธรรมดาคนหนึ่ง เขากลายเป็นผู้นำมวลชนที่มีทั้งคนรักและคนชัง ซึ่งผมมั่นใจว่า มีคนรักมากกว่าคนชัง

ผมคิดว่า คนเราทุกคนในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีดีหรือเลวคละเคล้ากันไป คุณสนธิก็เช่นกัน ผม หรือคุณ หรือใครก็เช่นกัน

ตอนที่คุณสนธิลุกขึ้นมาสู้กับระบอบทักษิณ ก่อนวันแรกที่นัดชุมนุมคุณสนธิเรียกพวกเรามารวมกันเหมือนกับการสั่งเสียว่า การต่อสู้ครั้งนี้อาจหมายถึงการแลกด้วยชีวิต แต่การสั่งเสียครั้งนั้นก็ไม่ใช่การสั่งลาและไม่ใช่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย

การต่อสู้ของคุณสนธิ แม้จะไม่สามารถชนะระบอบทักษิณด้วยลำหักลำโค่นของตัวเองก็ตาม แต่ระบอบทักษิณก็ป้อแป้จวนไปไม่ไปแหล่อยู่แล้ว ก่อนที่ทหารจะเข้ามาอุ้มทักษิณลงไปจากเวที

ตอนนั้นใครๆ ก็ใส่สีตีข่าวแบบไม่มีข้อมูลว่า พันธมิตรฯ หมดแรงแล้ว มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รู้ว่าไม่จริง เพราะเป็นผู้สัมผัสได้กับมวลชนที่แท้จริง เมื่อเราชุมนุมครั้งใหม่จึงกลายเป็นพลังมหาศาลที่อำนาจรัฐฉ้อฉลไม่อาจทัดทานได้

เพราะใครก็รู้ใครก็ประจักษ์ว่า พันธมิตรฯ นั้นไม่เพียงต่อสู้กับรัฐบาลที่ฉ้อฉลเท่านั้น แต่ต่อสู้เพื่อพิทักษ์สถาบันหลักของชาติด้วย

บางคนไม่ชอบที่คุณสนธิออกมาพูดเรื่องการปกป้องสถาบัน แต่มาถึงวันนี้ก็รู้แล้วจากปากของทักษิณ จักรภพว่าพวกเขามีจุดมุ่งหมายต่อสถาบันอย่างไร

การต่อสู้นั้นมีคนที่เข้าร่วมเพราะเห็นว่าระบอบทักษิณนั้นคือทุนนิยมสามานย์ที่กำลังกัดกินชาติ และเห็นด้วยกับการออกมาปกป้องสถาบัน แต่ก็มีบางคนทิ้งพวกเราไปกลางคันเพราะไม่เห็นด้วยในประเด็นสถาบัน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่และต้องพูดถึง แม้ว่าทัศนะเช่นนี้จะเป็นเรื่องของอุดมการณ์ไม่ใช่ถูกหรือผิด

บางคนเข้าร่วมแม้จะไม่ชอบแกนนำบางคน นั่นเพราะเขารู้จักแยกแยะส่วนตัวออกจากส่วนรวม แต่ที่แปลกก็คือ มีบางคนไม่เข้าร่วมเพราะไม่ชอบแกนนำ แล้วหาทางเตะตัดขาพันธมิตรฯ เรื่อยมา

แกนนำลำดับต้นที่มีคนหมั่นไส้ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งบุคลิกของเขานั้นไม่เป็นที่โปรดปรานในวงการสื่อ น่าตลกก็คือ คอลัมนิสต์บางคนด่าพันธมิตรฯ เพราะไม่ชอบสนธิ ทั้งที่คนทำสื่อนั้นจะต้องมีวิจารณญาณพอที่จะแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องส่วนรวม

ผมชอบมากที่ได้อ่านงานของ “วิหคเหินฟ้า” หรือ สรกล อดุลยานนท์ ในมติชนผู้ที่ชื่นชอบทักษิณเป็นพิเศษ เขายกเอาบางตอนของดันแคน แมคคาร์โก มาให้อ่าน

“ในความมุ่งมั่นที่ไม่มีขอบเขตของพวกเขาที่จะต่อต้านฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้สูญเสียความสามารถในการมองเหตุผล”

ผมอ่านไปแล้วเที่ยวหนึ่ง แต่เข้าใจว่า “วิหคเหินฟ้า” ต้องอ่านหลายๆ รอบ

แต่จริงแล้วผมคิดว่า ไม่ต้องให้ดันแคนมาพูดก็ได้ เพราะสิ่งที่ดันแคนพูดนั้นเป็นปลายเหตุ ปัญหาคือคนสองกลุ่มในสังคมไทยนั้นทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร

คนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดิน แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องคนเพียงคนเดียวไม่ใช่หรือ

ผมไม่เถียงหรอกครับว่า ในสีแดงนั้นมีบางคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของตัวเอง แต่คนเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนน้อย และเพ้อฝันอยู่ในกลุ่มเสื้อแดงที่เขาลุกขึ้นมาสู้เพื่อทักษิณ

จากความไม่ชอบคุณสนธิที่เป็นเหตุผลให้สื่อบางคนไม่ชอบพันธมิตรฯ นี่เอง อาจทำให้เราวิเคราะห์ด้วยตรรกะของดันแคนได้ด้วยว่า สื่อเหล่านั้นเสแสร้งมีอคติหรือประสาทการรับรู้ของเขาบกพร่องกันแน่

แต่คุณสนธิก็คือคุณสนธิ คือคนที่ไม่ยี่หระในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มีคนบอกว่าเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่หนุ่มมีดีมีเลวเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ดังนั้นจึงมีคนหมั่นไส้เขามาก

อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยแม้ไม่ชอบคุณสนธิที่รู้จักแยกแยะการลุกขึ้นมาสู้ของคุณสนธิออกจากอคติส่วนตัว เขารู้ว่าสิ่งที่คุณสนธิทำนั้น เป็นการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง

เราพูดกันไม่ใช่หรือว่า ปัญหาของสังคมไทยทุกวันนี้ คือเรื่องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ถ้าเราแยกพวกถูกปั่นให้มัวเมาเพราะไม่รู้ข้อมูลข่าวสารแล้ว สื่อมวลชนที่อยู่กับข้อมูลข่าวสารลองเถียงมาสิครับว่า ระบอบทักษิณไม่ได้ฉ้อฉลและเป้าหมายของบางกลุ่มไม่ใช่สถาบัน

นี่ต่างหากที่ต้องมาก่อนคำอธิบายของดันแคน แมคคาร์โก สำหรับสื่อบางคน แต่ไม่ต้องอธิบายสำหรับสื่อที่บูชาทักษิณ เงินของทักษิณ

และสื่อพวกนี้แหละที่ทำให้ทักษิณยังลอยนวลจนปลุกปั่นคนออกมาเผาบ้านเผาเมืองได้

วันที่สื่อทุกฉบับพากันตำหนิเสื้อแดงที่คลั่งเผาบ้านเผาเมือง คุณสนธิพูดกับพวกเราว่า ถ้าสื่อเห็นความชั่วร้ายและลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบอบทักษิณก็คงไม่มีวันนี้

สื่อบางคนบอกว่า พันธมิตรฯ เอาด้ามธงแทงตำรวจ ขับรถพุ่งชนตำรวจ ถ้าถูกสลายแบบเสื้อแดง พันธมิตรฯ คงก่อความรุนแรงกว่าแดงหลายเท่า ผมว่า คนคิดแบบนี้ไม่น่าจะเป็นสื่อ เพราะเหตุของพันธมิตรฯ ที่ว่าเกิดขึ้นหลังจากตำรวจยิงแขนขาดขาขาดและเจ็บไปหลายร้อยคน

ผมเห็นด้วยกับคุณเปลว สีเงิน ที่ว่า ในรอบ 4-5 ปี การทำหน้าที่สื่อของคุณสนธิ ด้วยหวังอย่างเดียวให้อยู่รอด คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันชาติบ้านเมือง

ดังนั้น ไม่ว่าสวรรค์หรือนรกต้องรู้ว่า คุณสนธิยังตายไม่ได้

surawhisky@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น