บอกตรงๆ ครับว่า ผมสงสารและเห็นอกเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะเล็งเห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพในการทำงาน และกลายเป็นการตอกย้ำยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ถูกสบประมาทเสมอมาว่า ทำงานไม่เป็น
การวิพากษ์วิจารณ์นั้นยังเป็นเพราะความคาดหวังที่สูงยิ่งในตัวนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยความจริงใจ และตั้งใจที่จะเห็นรัฐบาลชุดนี้นำพาประเทศชาติให้ไปรอดในภาวะการเมืองที่ระส่ำระสายและภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
และผมยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ผมยังสนับสนุนและให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ที่จะนำพาประเทศชาติไปให้รอดตลอดฝั่ง
ยิ่งเมื่อเกิดเหตุในการประชุม ก.ตร. ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมเห็นใจ และชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของนายกรัฐมนตรีไปพร้อมๆ กัน และเห็นว่าปัญหาที่คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถเดินหน้าทำงานไปได้นั้น ก็คงเป็นเพราะข้อตกลงที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปสัญญิงสัญญากับพรรคร่วมโดยเฉพาะเนวิน ชิดชอบเอาไว้นั่นเอง
มีนักวิชาการจำนวนหนึ่งเช่นพวก 2 ไม่เอา (น่าจะเรียกว่า พวกไม่เอาไหน) ฝ่ายค้าน คอลัมนิสต์ที่ชื่นชอบระบอบทักษิณในค่ายไทยรัฐ และค่ายมติชน พยายามวิจารณ์รัฐบาลชุดนี้และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เสมอมาว่า ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางที่ไม่สง่างาม และไม่เป็นประชาธิปไตย
ข้ออ้างพื้นๆ ของพวกนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก (ไม่รู้ว่า พรรคเพื่อไทยไปได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากมาตั้งแต่เมื่อไหร่)
แต่พวกนี้มองข้ามไปว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้รับเสียงข้างมากตอนแรกคือ พรรคพลังประชาชน เมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามาก็มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีระหว่างหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชาชนคือนายสมัคร สุนทรเวชก็ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อนายสมัครพ้นจากตำแหน่งไปเพราะทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้รับเลือกเข้ามาแทน
พอพรรคพลังประชาชนถูกยุบก็ต้องมีการโหวตนายกรัฐมนตรีกันใหม่ ส.ส.ของพรรคแตกกันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ หนึ่งในนั้นชื่อ พรรคเพื่อไทยซึ่งก็ไม่ได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรค (เพราะไม่ได้เป็นส.ส.) หรือคนในพรรคของตัวเอง แต่เสนอพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แข่งกับคุณอภิสิทธิ์ แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็ได้รับการโหวตในสภา
จริงแล้วถ้าจะถามพวกที่กล่าวหาว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคที่ชนะข้างเลือกตั้ง แล้วความหมายของเสียงข้างมากในระบบรัฐสภาคืออะไร ถ้าพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งเป็นพรรคที่มี ส.ส.ไม่กี่คน เกิดชนะโหวต จะถือว่าเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่
ผมว่า ตรงนี้จะอธิบายข้อกล่าวหาอันสับสนของนักวิชาการไม่เอาไหน นักวิชาการปลากระป๋อง (ดีแต่กินอาหารสำเร็จรูป ท่องคัมภีร์ ทำเอง ปรุงเอง คิดเองไม่เป็น) และพวกเสื้อแดงสู้แล้วรวยอย่างสามเกลอได้ดี
ผมปกป้องคุณอภิสิทธิ์และตอบโต้แทนคุณอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ แต่เมื่อผมเป็นสื่อมวลชนผมจึงต้องวิจารณ์การทำงานของคุณอภิสิทธิ์ไปด้วย ไม่ใช่เพราะผมมีอคติกับคุณอภิสิทธิ์
เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว เราเห็นว่า คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถบริหารประเทศชาติไปด้วยความราบรื่น และอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือของสุเทพและเนวิน ซึ่งเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนโดยทั่วไป
นายสุเทพนั้นมีบุญคุณกับคุณอภิสิทธิ์แน่ ตั้งแต่การผลักดันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และเจรจาให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่เราไม่รู้หรอกครับว่า คุณสุเทพไปเจรจาตกลงอะไรเอาไว้บ้างเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะนายเนวินหันมายกมือให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่เราเห็นได้ชัดเจนว่า การแบ่งโควตากระทรวงสำคัญๆ ที่จะกำหนดทิศทางและชี้เป็นชี้ตายประเทศชาติ ถูกยกไปอยู่ภายใต้อำนาจของนายเนวินทั้งสิ้น
นายเนวิน ชิดชอบ มีอำนาจสั่งการยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนไหน พอมีปัญหาใน ก.ตร.นายเนวินก็ตอบโต้คนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไปถามนายสุเทพกับนายนิพนธ์ (พร้อมพันธุ์) มายุ่งอะไรกับพรรคผม (พรรคผม จริงๆ ครับ)
พูดง่ายๆ การเจรจาของนายสุเทพก็คือ ใครจะเอาอะไรก็เอาไปขอให้เป็นรัฐบาลก็พอ สิ่งที่นายสุเทพทำนั้นไม่ผิดหรอกครับ ถ้าไม่เสียหลักการ ไม่ทำลายความถูกต้อง และไม่เอาผลประโยชน์ของชาติมาแลกเพียงเพื่อให้คุณอภิสิทธิ์ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นพอ (แต่นายสุเทพเป็นคนใช้อำนาจแทน)
เมื่อคุณอภิสิทธิ์พยายามแข็งขืนต่ออำนาจของสุเทพและเนวิน ก็เลยถูกสั่งสอนบทเรียนในการประชุม ก.ตร. เพราะถ้าสุเทพไม่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ เพราะนายสุเทพพูดเสมอว่า เขาเป็นผู้จัดการและประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล และนายสุเทพก็รู้มาตลอดว่า กลุ่มของนายเนวินนั้นต้องการผลักดันพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมายขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ไม่ทราบว่า นายสุเทพประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร แต่ปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับคุณอภิสิทธิ์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นใน ก.ต.ช. แต่ยังเกิดปัญหาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีพาณิชย์ด้วยในหลายๆ ครั้ง
ปัญหา ของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่กระทำผิดกฎหมาย ก็ชัดเจนว่า ถูกนายสุเทพเข้ามาขัดขวางเพื่อทำลายหลักการความชอบธรรมของนายกรัฐมนตรีเพื่อยื้อให้พล.ต.อ.พัชรวาทอยู่ต่อไปจนถึงเกษียณ
ปัญหาในกรมประชาสัมพันธ์ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะได้คุมกรมนี้ แต่อำนาจสั่งการกลับอยู่กับนายเนวิน และบริษัทที่เข้าไปบริหารก็ยังเป็นของนายเนวิน นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย ไม่สามารถปลดอธิบดีได้แม้จะทำผิดซ้ำซาก เพราะข้อตกลงของนายสุเทพกับนายเนวิน ที่ต้องการให้นายเผชิญ ขำโพธิ์ อยู่ในตำแหน่งไปจนเกษียณ
ปัญหาในกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการมหาดไทยกำลังอกสั่นขวัญแขวน และโกรธพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถรักษาความเที่ยงธรรมไว้ได้ ปล่อยให้กลุ่มของนายเนวินเข้าไปทำลายประเพณีของกระทรวง ซึ่งจริงๆ แล้วประเด็นไม่ได้อยู่ว่า ปลัดคนใหม่จะเป็นสิงห์สีอะไร แต่ประเด็นคือ คนที่ทำงานเติบโตมาในกระทรวงถูกข้ามหัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนายกรัฐมนตรีก็ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของตัวเอง
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จำเป็นบทเรียนเลยว่า ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้นี่เองที่นายเนวินเคยใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาแล้ว
ยอมรับว่า นายสุเทพมีบุญคุณล้นหัวนายกรัฐมนตรี และคุณอภิสิทธิ์ได้เกียรติยศนี้มาจากการหยิบยื่นและจัดการของนายสุเทพ แต่ผมเชื่อว่า คนหนุ่มคนฉลาดอย่างคุณอภิสิทธิ์นั้นไม่น่าจะยอมจบอนาคตทางการเมืองเพราะการบงการของนายสุเทพ
ยกเว้นว่า คุณอภิสิทธิ์พอใจแค่ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วปล่อยให้นายสุเทพร่วมกับนายเนวินปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอย่างไรก็ได้
surawhisky@hotmail.com
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะเล็งเห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพในการทำงาน และกลายเป็นการตอกย้ำยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ถูกสบประมาทเสมอมาว่า ทำงานไม่เป็น
การวิพากษ์วิจารณ์นั้นยังเป็นเพราะความคาดหวังที่สูงยิ่งในตัวนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยความจริงใจ และตั้งใจที่จะเห็นรัฐบาลชุดนี้นำพาประเทศชาติให้ไปรอดในภาวะการเมืองที่ระส่ำระสายและภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
และผมยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ผมยังสนับสนุนและให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ที่จะนำพาประเทศชาติไปให้รอดตลอดฝั่ง
ยิ่งเมื่อเกิดเหตุในการประชุม ก.ตร. ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมเห็นใจ และชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของนายกรัฐมนตรีไปพร้อมๆ กัน และเห็นว่าปัญหาที่คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถเดินหน้าทำงานไปได้นั้น ก็คงเป็นเพราะข้อตกลงที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปสัญญิงสัญญากับพรรคร่วมโดยเฉพาะเนวิน ชิดชอบเอาไว้นั่นเอง
มีนักวิชาการจำนวนหนึ่งเช่นพวก 2 ไม่เอา (น่าจะเรียกว่า พวกไม่เอาไหน) ฝ่ายค้าน คอลัมนิสต์ที่ชื่นชอบระบอบทักษิณในค่ายไทยรัฐ และค่ายมติชน พยายามวิจารณ์รัฐบาลชุดนี้และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เสมอมาว่า ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางที่ไม่สง่างาม และไม่เป็นประชาธิปไตย
ข้ออ้างพื้นๆ ของพวกนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก (ไม่รู้ว่า พรรคเพื่อไทยไปได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากมาตั้งแต่เมื่อไหร่)
แต่พวกนี้มองข้ามไปว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้รับเสียงข้างมากตอนแรกคือ พรรคพลังประชาชน เมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามาก็มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีระหว่างหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชาชนคือนายสมัคร สุนทรเวชก็ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อนายสมัครพ้นจากตำแหน่งไปเพราะทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้รับเลือกเข้ามาแทน
พอพรรคพลังประชาชนถูกยุบก็ต้องมีการโหวตนายกรัฐมนตรีกันใหม่ ส.ส.ของพรรคแตกกันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ หนึ่งในนั้นชื่อ พรรคเพื่อไทยซึ่งก็ไม่ได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรค (เพราะไม่ได้เป็นส.ส.) หรือคนในพรรคของตัวเอง แต่เสนอพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แข่งกับคุณอภิสิทธิ์ แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็ได้รับการโหวตในสภา
จริงแล้วถ้าจะถามพวกที่กล่าวหาว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคที่ชนะข้างเลือกตั้ง แล้วความหมายของเสียงข้างมากในระบบรัฐสภาคืออะไร ถ้าพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งเป็นพรรคที่มี ส.ส.ไม่กี่คน เกิดชนะโหวต จะถือว่าเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่
ผมว่า ตรงนี้จะอธิบายข้อกล่าวหาอันสับสนของนักวิชาการไม่เอาไหน นักวิชาการปลากระป๋อง (ดีแต่กินอาหารสำเร็จรูป ท่องคัมภีร์ ทำเอง ปรุงเอง คิดเองไม่เป็น) และพวกเสื้อแดงสู้แล้วรวยอย่างสามเกลอได้ดี
ผมปกป้องคุณอภิสิทธิ์และตอบโต้แทนคุณอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ แต่เมื่อผมเป็นสื่อมวลชนผมจึงต้องวิจารณ์การทำงานของคุณอภิสิทธิ์ไปด้วย ไม่ใช่เพราะผมมีอคติกับคุณอภิสิทธิ์
เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว เราเห็นว่า คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถบริหารประเทศชาติไปด้วยความราบรื่น และอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือของสุเทพและเนวิน ซึ่งเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนโดยทั่วไป
นายสุเทพนั้นมีบุญคุณกับคุณอภิสิทธิ์แน่ ตั้งแต่การผลักดันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และเจรจาให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่เราไม่รู้หรอกครับว่า คุณสุเทพไปเจรจาตกลงอะไรเอาไว้บ้างเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะนายเนวินหันมายกมือให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่เราเห็นได้ชัดเจนว่า การแบ่งโควตากระทรวงสำคัญๆ ที่จะกำหนดทิศทางและชี้เป็นชี้ตายประเทศชาติ ถูกยกไปอยู่ภายใต้อำนาจของนายเนวินทั้งสิ้น
นายเนวิน ชิดชอบ มีอำนาจสั่งการยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนไหน พอมีปัญหาใน ก.ตร.นายเนวินก็ตอบโต้คนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไปถามนายสุเทพกับนายนิพนธ์ (พร้อมพันธุ์) มายุ่งอะไรกับพรรคผม (พรรคผม จริงๆ ครับ)
พูดง่ายๆ การเจรจาของนายสุเทพก็คือ ใครจะเอาอะไรก็เอาไปขอให้เป็นรัฐบาลก็พอ สิ่งที่นายสุเทพทำนั้นไม่ผิดหรอกครับ ถ้าไม่เสียหลักการ ไม่ทำลายความถูกต้อง และไม่เอาผลประโยชน์ของชาติมาแลกเพียงเพื่อให้คุณอภิสิทธิ์ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นพอ (แต่นายสุเทพเป็นคนใช้อำนาจแทน)
เมื่อคุณอภิสิทธิ์พยายามแข็งขืนต่ออำนาจของสุเทพและเนวิน ก็เลยถูกสั่งสอนบทเรียนในการประชุม ก.ตร. เพราะถ้าสุเทพไม่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ เพราะนายสุเทพพูดเสมอว่า เขาเป็นผู้จัดการและประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล และนายสุเทพก็รู้มาตลอดว่า กลุ่มของนายเนวินนั้นต้องการผลักดันพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมายขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ไม่ทราบว่า นายสุเทพประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร แต่ปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับคุณอภิสิทธิ์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นใน ก.ต.ช. แต่ยังเกิดปัญหาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีพาณิชย์ด้วยในหลายๆ ครั้ง
ปัญหา ของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่กระทำผิดกฎหมาย ก็ชัดเจนว่า ถูกนายสุเทพเข้ามาขัดขวางเพื่อทำลายหลักการความชอบธรรมของนายกรัฐมนตรีเพื่อยื้อให้พล.ต.อ.พัชรวาทอยู่ต่อไปจนถึงเกษียณ
ปัญหาในกรมประชาสัมพันธ์ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะได้คุมกรมนี้ แต่อำนาจสั่งการกลับอยู่กับนายเนวิน และบริษัทที่เข้าไปบริหารก็ยังเป็นของนายเนวิน นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย ไม่สามารถปลดอธิบดีได้แม้จะทำผิดซ้ำซาก เพราะข้อตกลงของนายสุเทพกับนายเนวิน ที่ต้องการให้นายเผชิญ ขำโพธิ์ อยู่ในตำแหน่งไปจนเกษียณ
ปัญหาในกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการมหาดไทยกำลังอกสั่นขวัญแขวน และโกรธพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถรักษาความเที่ยงธรรมไว้ได้ ปล่อยให้กลุ่มของนายเนวินเข้าไปทำลายประเพณีของกระทรวง ซึ่งจริงๆ แล้วประเด็นไม่ได้อยู่ว่า ปลัดคนใหม่จะเป็นสิงห์สีอะไร แต่ประเด็นคือ คนที่ทำงานเติบโตมาในกระทรวงถูกข้ามหัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนายกรัฐมนตรีก็ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของตัวเอง
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จำเป็นบทเรียนเลยว่า ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนนี้นี่เองที่นายเนวินเคยใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้มาแล้ว
ยอมรับว่า นายสุเทพมีบุญคุณล้นหัวนายกรัฐมนตรี และคุณอภิสิทธิ์ได้เกียรติยศนี้มาจากการหยิบยื่นและจัดการของนายสุเทพ แต่ผมเชื่อว่า คนหนุ่มคนฉลาดอย่างคุณอภิสิทธิ์นั้นไม่น่าจะยอมจบอนาคตทางการเมืองเพราะการบงการของนายสุเทพ
ยกเว้นว่า คุณอภิสิทธิ์พอใจแค่ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วปล่อยให้นายสุเทพร่วมกับนายเนวินปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติอย่างไรก็ได้
surawhisky@hotmail.com