xs
xsm
sm
md
lg

“ชัจจ์” สนองแม้ว! จี้ “ปทีป” เร่งคดีพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ยื่นหนังสือกับพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.
ตำรวจสายแม้ว “ชัจจ์ กุลดิลก” เล่นบทช่วย 3 ตำรวจมือเปื้อนเลือด ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เร่งดำเนินการรับกลับเข้ารับราชการ และ เร่งรัดคดีพันธมิตรฯ ขณะที่ “ปทีป” ยันคดีพันธมิตรฯ ใกล้เสนอสำนวนให้อัยการ


วันนี้ (18 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก สมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งอ้างว่าเป็นประธานชมรมอาสาพิทักษ์ปกป้องตำรวจ และครอบครัว เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมปิดล้อมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ให้รับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงกลับเข้ารับราชการ

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2551 กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดยนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำฯ รุ่นที่ 2 ได้ร่วมกันปิดล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 7 ต.ค.2551 ทำให้คณะรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเดินทางเข้าสู่รัฐสภาได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาสามารถเข้ารับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาอยู่อย่างต่อเนื่อง มีการพูดปลุกระดม ขู่จะทำร้ายสมาชิกรัฐสภา มีการใส่กุญแจประตู ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ทำให้รัฐสภาต้องใช้เครื่องปั่นไฟสำรองแทน จึงสามารถดำเนินการประชุมและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ นอกจากนี้ เมื่อการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น คณะรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภา ไม่สามารถเดินทางออกจากรัฐสภาได้ เนื่องจากถูกกลุ่มพันธมิตรฯปิดล้อม ตำรวจจึงได้ปฏิบัติการช่วยเหลือเปิดทางอีกครั้ง โดยการใช้กำลังยิงแก๊สน้ำตาเปิดทาง

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวต่อว่า ในการปิดล้อมอาคารรัฐสภามีการใช้อาวุธปืนยิง พยายามฆ่าเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ มีการพยายามขับรถพุ่งชนตำรวจและถอยทับ ตลอดจนมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่ละเมิดต่อกฎหมาย การที่ตำรวจปล่อยปละละเลย เพิกเฉย ไม่พยายามสืบสวน สอบสวนหาพยานหลักฐาน และจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ถือเป็นการละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ภายใต้การกดดันของการเมือง จึงขอให้ รรท.ผบ.ตร.เร่งรัดดำเนินคดีให้รวดเร็ว และเป็นธรรม นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงกรณีใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมอาคารรัฐสภา และพล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงฐานปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดง ทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ จนนายตำรวจทั้ง 3 นายถูกปลดออกจากราชการ ต่อมาได้มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ ก.ตร.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าตามพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่านายตำรวจทั้ง 3 นาย กระทำความผิดวินัยร้ายแรงตามที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล จึงมีมติให้ยกโทษ จึงขอให้ พล.ต.อ.ปทีป ดำเนินการตามมติ ก.ตร.ดังกล่าว รับ พล.ต.ท.สุชาติ และพล.ต.ต.เพิ่มศักด์ กลับเข้ารับราชการ

ด้าน พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องไว้แล้ว จะดำเนินการต่อไป ซึ่งมีหลายประเด็น สำหรับกรณีที่เรียกร้องให้เร่งดำเนินการรับ 3 นายพลที่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ ป.ป.ช.ให้รับราชการนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือรับรองมติจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ถ้าได้มาแล้วตนก็จะพิจารณารายละเอียดและดำเนินการต่อ ซึ่งขั้นตอนเป็นอย่างไรนั้น ตนได้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งแล้ว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวสั้นๆ ว่า คดีของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ใกล้เสนอสำนวนให้อัยการพิจารณาแล้ว ใช้เวลาไม่นาน

พล.ต.อ.ปทีป ยังกล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในช่วงเวลานี้ว่า ยังไม่ได้ปรับแผนใดๆ แต่สิ่งให้ให้ดำเนินการคือเพิ่มความเข้มงวดใน 3 เรื่อง คือ เพิ่มจุดตรวจด่านตรวจ การทำงานของสายตรวจ และการหาข่าว

เมื่อถามว่าถึง 38 จังหวัดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตามเป็นพิเศษมีสถานการณ์เช่นไร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานความพร้อมของกำลังมาแล้ว สำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวเป็นพิเศษใน 38 จังหวัดยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น