ตำรวจ สน.นางเลิ้ง สอบปากคำ “สโรชคริษฐ์ พรหมอักษร” หนุ่มใหญ่เมาซ่าขับรถพุ่งชนแผงเหล็กกั้นเวทีพันธมิตรฯ พร้อมส่งตรวจร่างกาย หลังอ้างถูกชายฉกรรจ์รุมทำร้าย ขณะที่พบประวัติเคยแจ้งตำรวจว่าถูกปองร้ายปาระเบิด เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.เพชรเกษม มาแล้วถึง 3 ครั้ง
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ สน.นางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจับกุมตัว นายสโรชคริษฐ์ พรหมอักษร อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. ผู้ต้องหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ยุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร และขับรถโดยประมาท หลังก่อเหตุขับรถพุ่งชนแผงเหล็กกั้นทางเข้าออก ด้านหลังเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน แขวงและเขตดุสิต กทม.เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้นำตัวนายสโรชคริษฐ์ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมิชชั่น โดยใช้เวลาในการตรวจร่างกายประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น ร.ต.ท.คนัช ปาณไกพัล พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.นางเลิ้ง ได้นำตัวมาสอบปากคำต่อที่ห้องสอบสวนโดยมีทนายความยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 70,000 บาท เพื่อขอประกันตัว
นายสโรชคริษฐ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องสอบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุตนเครียดมากจึงได้ดื่มเหล้าไป จากนั้นได้ขับรถเพื่อต้องการไปลานพระบรมรูปทรงม้า แต่จุดเกิดเหตุมองไม่เห็นจึงได้พุ่งชนแผงเหล็ก โดยหลังเกิดเหตุนายสโรชคริษฐ์ได้กล่าวหาว่ามีชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นการ์ดของพันธมิตรหลายสิบคนเข้ารุมทำร้ายตน โดยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา บริเวณปาก และตามร่างกาย ทั้งๆ ที่ตนได้แจ้งบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีความคิดแตกต่างจากพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสโรชคริษฐ์ ตอบว่า ตนไม่ได้อ่านข่าวนานแล้ว ทำมาหากินอย่างเดียว ส่วนจะฝากอะไรถึงพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสโรชคริษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร จากนั้นตำรวจได้นำตัวเข้าห้องสอบสวน
อย่างไรก็ตาม สำหรับนายสโรชคริษฐ์ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น กต.ตร.สน.เพชรเกษม ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 3 ก.ย.2550 ได้แจ้งความต่อ พ.ต.ท.ปรีชา จิตโศภิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) เพชรเกษม ว่าถูกคนร้ายลอบวางเพลิงรถเบนซ์ซึ่งจอดอยู่ที่หน้าอาคารบุญอยู่อพาร์ทเม้นต์ เลขที่ 1/40 ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงและเขตบางแค โดยหลังตำรวจไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
พบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 5 ชั้น โดยนายสโรชคริษฐ์ชี้ให้ดูรถเบนซ์ รุ่นซี 180 สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 8 ศ-3151 กทม.ของตนที่จอดจอดอยู่หน้าอาคารในสภาพล้อหลังด้านขวามีร่องรอยถูกเพลิงไหม้ ใต้ล้อรถพบเศษขวดน้ำพลาสติกถูกหลอมละลาย และเศษผ้าสีขาวชุบน้ำมันมีร่อยรอยถูกเผา
โดยนายสโรชคริษฐ์ให้การครั้งนั้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ถูกคนร้ายข่มขู่ลักษณะนี้ โดยครั้งแรกเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค.50 คนร้ายได้ใช้ผ้าชุบน้ำมันยัดใส่ขวดกระทิงแดงปากเข้าไปใส่สำนักงานพรหมอักษรทนายความของตนได้รับความเสียหาย ครั้งที่ 2 ช่วงค่ำวันที่ 23 ส.ค.50 คนร้ายใช้ผ้าชุบน้ำมันยัดใส่ขวดสปอนเซอร์ปาใส่ร้านอาหารคำหยาดของตน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าอาจจะจากเรื่องการเมือง เพราะช่วง 3 วันก่อนหน้าจะถูกปาระเบิดใส่ครั้งแรกมีชายคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือแล้วขอร้องไม่ให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขตที่ 36 บางแค และได้ลาออกมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย เมื่อช่วงเดือน ม.ค.50 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ก็ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย จึงอาจจะเป็นสาเหตุของการลอบทำร้ายทั้งหมด จนกระทั่งล่าสุดได้ก่อเหตุบรรทุกอาวุธปืนและขับรถพุ่งชนแผงเหล็กของพันธมิตรฯดังกล่าว
ด้านพ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.มักกะสัน ช่วยราชการสน.นางเลิ้ง กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ตั้งหลักทรัพย์ในการประกันตัวนายสโรชคริษฐ์ไว้ที่ 1 แสนบาท แต่ที่ทางผู้ต้องหายื่นมาเพียง 7 หมื่นบาท ซึ่งจะต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบอีกครั้ง และหากหลักทรัพย์ครบตามจำนวน ก็จะส่งเรื่องให้ทางพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เป็นผู้พิจารณาต่อไป แต่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนทั้งหมดมีทะเบียน แต่เจ้าตัวพกเพียงสำเนาไว้เท่านั้น ซึ่งจะต้องขอดูทะเบียนตัวจริงอีกครั้ง และทางตำรวจเองคงไม่คัดค้านการประกันตัว
พ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหา ประสงค์จะแจ้งความกลับแก่กร์ดพันธมิตรฯ ฐานทำร้ายร่างกายนั้น ทางตำรวจจะให้ผู้ต้องหาได้พิจารณาดูก่อน หากยังคงยืนยันตามประสงค์ ทางตำรวจก็พร้อมรับแจ้งความ และดำเนินการต่อไป
สำหรับของกลางทั้งหมด ที่นายสโรชคริษฐ์ พาพาไปในรถคันเกิดเหตุมีทั้งหมด 16 รายการ ประกอบด้วย
1.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 พร้อมซองกระสุน 1 ซอย ภายในบรรจุกระสุน 8 นัด
2.อาวุธปืนรีวอร์เวอร์ ยี่ห้อ สมิธ แอนด์ เวสสัน .357 บรรจุกระสุน 6 นัด 1 กระบอก
3.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อ บราวนิ่ง ขนาด 7.65 มม. 1 กระบอก
4.อาวุธปืนออโต้ ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
5.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 มม. บรรจุกระสุน 15 นัด 1 กระบอก
6.อาวุธปืนลูกซองพับฐาน ยี่ห้อ ไทยสแตนดาร์ด บรรจุกระสุน 3 นัด 1 กระบอก
7.ซองกระสุนขนาด .45 นิ้ว จำนวน 3 ซอง บรรจุกระสุนรวม 21 นัด
8.ซองกระสุนขนาด .380 จำนวน 1 ซอง บรรจุกระสุน 7 นัด
9.กระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 39 นัด พร้อมลูกโม่ 2 อัน
10.กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 69 นัด
11.กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 63 นัด
12.กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 134 นัด
13.กระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 7 นัด
14.ดาบซามูไร 1 เล่ม
15.มีดสั้น 3 เล่ม
16.เสื้อเกราะชนิดเกราะอ่อน 1 ตัว
หนุ่มใหญ่พกอาวุธเต็มอัตราศึก! ซิ่งรถชนรั้วพันธมิตรฯ
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ สน.นางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจับกุมตัว นายสโรชคริษฐ์ พรหมอักษร อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. ผู้ต้องหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ยุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร และขับรถโดยประมาท หลังก่อเหตุขับรถพุ่งชนแผงเหล็กกั้นทางเข้าออก ด้านหลังเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน แขวงและเขตดุสิต กทม.เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้นำตัวนายสโรชคริษฐ์ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมิชชั่น โดยใช้เวลาในการตรวจร่างกายประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น ร.ต.ท.คนัช ปาณไกพัล พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.นางเลิ้ง ได้นำตัวมาสอบปากคำต่อที่ห้องสอบสวนโดยมีทนายความยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 70,000 บาท เพื่อขอประกันตัว
นายสโรชคริษฐ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องสอบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุตนเครียดมากจึงได้ดื่มเหล้าไป จากนั้นได้ขับรถเพื่อต้องการไปลานพระบรมรูปทรงม้า แต่จุดเกิดเหตุมองไม่เห็นจึงได้พุ่งชนแผงเหล็ก โดยหลังเกิดเหตุนายสโรชคริษฐ์ได้กล่าวหาว่ามีชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นการ์ดของพันธมิตรหลายสิบคนเข้ารุมทำร้ายตน โดยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา บริเวณปาก และตามร่างกาย ทั้งๆ ที่ตนได้แจ้งบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีความคิดแตกต่างจากพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสโรชคริษฐ์ ตอบว่า ตนไม่ได้อ่านข่าวนานแล้ว ทำมาหากินอย่างเดียว ส่วนจะฝากอะไรถึงพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสโรชคริษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร จากนั้นตำรวจได้นำตัวเข้าห้องสอบสวน
อย่างไรก็ตาม สำหรับนายสโรชคริษฐ์ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น กต.ตร.สน.เพชรเกษม ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 3 ก.ย.2550 ได้แจ้งความต่อ พ.ต.ท.ปรีชา จิตโศภิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) เพชรเกษม ว่าถูกคนร้ายลอบวางเพลิงรถเบนซ์ซึ่งจอดอยู่ที่หน้าอาคารบุญอยู่อพาร์ทเม้นต์ เลขที่ 1/40 ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงและเขตบางแค โดยหลังตำรวจไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
พบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 5 ชั้น โดยนายสโรชคริษฐ์ชี้ให้ดูรถเบนซ์ รุ่นซี 180 สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 8 ศ-3151 กทม.ของตนที่จอดจอดอยู่หน้าอาคารในสภาพล้อหลังด้านขวามีร่องรอยถูกเพลิงไหม้ ใต้ล้อรถพบเศษขวดน้ำพลาสติกถูกหลอมละลาย และเศษผ้าสีขาวชุบน้ำมันมีร่อยรอยถูกเผา
โดยนายสโรชคริษฐ์ให้การครั้งนั้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ถูกคนร้ายข่มขู่ลักษณะนี้ โดยครั้งแรกเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค.50 คนร้ายได้ใช้ผ้าชุบน้ำมันยัดใส่ขวดกระทิงแดงปากเข้าไปใส่สำนักงานพรหมอักษรทนายความของตนได้รับความเสียหาย ครั้งที่ 2 ช่วงค่ำวันที่ 23 ส.ค.50 คนร้ายใช้ผ้าชุบน้ำมันยัดใส่ขวดสปอนเซอร์ปาใส่ร้านอาหารคำหยาดของตน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าอาจจะจากเรื่องการเมือง เพราะช่วง 3 วันก่อนหน้าจะถูกปาระเบิดใส่ครั้งแรกมีชายคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือแล้วขอร้องไม่ให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขตที่ 36 บางแค และได้ลาออกมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย เมื่อช่วงเดือน ม.ค.50 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ก็ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย จึงอาจจะเป็นสาเหตุของการลอบทำร้ายทั้งหมด จนกระทั่งล่าสุดได้ก่อเหตุบรรทุกอาวุธปืนและขับรถพุ่งชนแผงเหล็กของพันธมิตรฯดังกล่าว
ด้านพ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.มักกะสัน ช่วยราชการสน.นางเลิ้ง กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ตั้งหลักทรัพย์ในการประกันตัวนายสโรชคริษฐ์ไว้ที่ 1 แสนบาท แต่ที่ทางผู้ต้องหายื่นมาเพียง 7 หมื่นบาท ซึ่งจะต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบอีกครั้ง และหากหลักทรัพย์ครบตามจำนวน ก็จะส่งเรื่องให้ทางพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เป็นผู้พิจารณาต่อไป แต่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนทั้งหมดมีทะเบียน แต่เจ้าตัวพกเพียงสำเนาไว้เท่านั้น ซึ่งจะต้องขอดูทะเบียนตัวจริงอีกครั้ง และทางตำรวจเองคงไม่คัดค้านการประกันตัว
พ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหา ประสงค์จะแจ้งความกลับแก่กร์ดพันธมิตรฯ ฐานทำร้ายร่างกายนั้น ทางตำรวจจะให้ผู้ต้องหาได้พิจารณาดูก่อน หากยังคงยืนยันตามประสงค์ ทางตำรวจก็พร้อมรับแจ้งความ และดำเนินการต่อไป
สำหรับของกลางทั้งหมด ที่นายสโรชคริษฐ์ พาพาไปในรถคันเกิดเหตุมีทั้งหมด 16 รายการ ประกอบด้วย
1.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 พร้อมซองกระสุน 1 ซอย ภายในบรรจุกระสุน 8 นัด
2.อาวุธปืนรีวอร์เวอร์ ยี่ห้อ สมิธ แอนด์ เวสสัน .357 บรรจุกระสุน 6 นัด 1 กระบอก
3.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อ บราวนิ่ง ขนาด 7.65 มม. 1 กระบอก
4.อาวุธปืนออโต้ ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
5.อาวุธปืนกึ่งออโต้ ยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 มม. บรรจุกระสุน 15 นัด 1 กระบอก
6.อาวุธปืนลูกซองพับฐาน ยี่ห้อ ไทยสแตนดาร์ด บรรจุกระสุน 3 นัด 1 กระบอก
7.ซองกระสุนขนาด .45 นิ้ว จำนวน 3 ซอง บรรจุกระสุนรวม 21 นัด
8.ซองกระสุนขนาด .380 จำนวน 1 ซอง บรรจุกระสุน 7 นัด
9.กระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 39 นัด พร้อมลูกโม่ 2 อัน
10.กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 69 นัด
11.กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 63 นัด
12.กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 134 นัด
13.กระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 7 นัด
14.ดาบซามูไร 1 เล่ม
15.มีดสั้น 3 เล่ม
16.เสื้อเกราะชนิดเกราะอ่อน 1 ตัว
หนุ่มใหญ่พกอาวุธเต็มอัตราศึก! ซิ่งรถชนรั้วพันธมิตรฯ