น.1 ป้องเจ้าของเรือนคำหยาดและสมาชิกพรรคชาติไทย ขับรถบรรทุกปืนเต็มอัตราศึกพุ่งชนแผงเหล็กหลังเวทีพันธมิตรฯ ทำเพราะเหตุมึนเมา เชื่อไม่กล้าบินเดี่ยวเข้าทำร้ายพันธมิตรฯ จำนวนมาก พร้อมบอกยังไม่ได้รับการประสานจากพันธมิตรฯเคลื่อนไปสภาวันเปิดสมัยประชุม วอนให้ทุกฝ่ายปองดองกันไม่ควรก่อเหตุปะทะ
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี นายสโรชคริษฐ์ พรหมอักษร อายุ 56 ปี เจ้าของร้านอาหารเรือนคำหยาด ย่านบางแค และเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยขับรถพุ่งชนแผงเหล็กกั้นทางเข้า-ออก ด้านหลังเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน แขวงและเขตดุสิต กทม. และจากการตรวจค้นในรถยังอาวุธปืนอีกหลายกระบอกว่า ทราบว่าเป็นเจ้าของร้านคำหยาดอยู่ย่านเพชรเกษม เคยเป็นทนายความ และคงไม่มีเจตนาอย่างอื่น คงเพราะเมามาจากร้าน และผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ก็ 120-130 คิดว่าคงไม่มีปัญหาแทรกซ้อนอย่างอื่น ส่วนสาเหตุที่มีปืนมาเยอะก็เพราะนายสโรชคริษฐ์ชอบปืน ที่บ้านมีปืน 30 กว่ากระบอก มีใบอนุญาตถูกต้อง
ผบช.น.กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่นั้นคิดว่าคงไม่ต้อง เพราะถ้าจะเข้าไปก่อกวนคนคนเดียวคงไม่มีใครกล้าไป ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ นำไปพูดบนเวทีจะเกิดผลตามมาหรือไม่นั้นคิดว่าคงไม่ได้เกิดผลอะไร ก็เพราะว่าคนอยากจะพูด มันก็พูดอยู่นั้น จริงหรือไม่จริงก็พูดอยู่นั้น
“เราต้องใช้สมองคิดบ้างว่าถ้ามันเป็นเหตุการณ์อย่างนี้ คนนี้จะเข้ามาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ผมถามว่าไปคนเดียวใครกล้าเข้าไป ผมอยากจะรู้ใครจะกล้าเข้าไปคนเดียว มันไม่มีหรอก เราคิดตามสามัญสำนึกของปุถุชนธรรมดา ไม่ต้องเอามีคนวิเศษวิโสหรอก เอาความคิดของมนุษย์โดยธรรมชาติที่สติสมบูรณ์ ไม่มีใครหรอกคนเดียวที่จะเข้าไปทำร้ายคนตั้งเยอะตั้งแยะมันเป็นไปไม่ได้ คิดว่าสามัญสำนึกสื่อมวลชนก็คิดเหมือนผม” ผบช.น.กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.อัศวิน ยังกล่าวถึงกรณีเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลจะมีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดรวมตัวกันหน้ารัฐสภาว่า เท่าที่ทราบเบื้องต้นทราบว่าจะมีการนัดรวมพลที่เวทีก่อน ส่วนจะมีการเคลื่อนไปสภาหรือไม่ยังไม่ได้รับแจ้ง
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ตนเองพยายามเจรจาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ความเห็นแตกต่างไม่เป็นไร ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่ปัญหา ก็ใช้ความคิดใช้สมองพูดกันไปว่ากันไป แต่อย่าไปใช้กำลังกัน อย่าไปตัดสินกันด้วยกำลังใช้มันสมองสู้กันไป ก็ฝากสื่อช่วยเน้นให้ด้วยว่าขอร้องให้ใช้ความสุภาพนุ่มนวลในการต่อสู้ ไม่ว่าฝ่ายใด ตนได้เคยบอกตลอดเวลาว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีคนชนะหรอก มีแต่ผู้แพ้คือประชาชนคนไทยเราแพ้
ด้าน พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อหากับนายสโรชคริษฐ์ ทั้งหมด 4 ข้อหา ประกอบด้วย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ,ขับรถขณะมึนเมาสุรา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย และมีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องหายังไม่ได้รับการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีเพียงสำเนาอนุญาตครอบครองอาวุธปืนเท่านั้น ต้องรอให้นำใบอนุญาตตัวจริงมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้ญาติทำการรวบรวมมาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งหากได้ใบอนุญาติตัวจริงมาแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ก็จะนำอาวุธปืนส่งไปตรวจสอบว่า เคยใช้ก่อเหตุใดมาบ้างหรือไม่
พ.ต.ท.ภูเบศ กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ตำรวจได้ให้ประกันตัวนายสโรชคริษฐ์ ไปในวงเงิน 100,000 บาทแล้ว หลังจากญาติผู้ต้องหา นำเงินมาเพิ่มเติมจนครบเท่าหลักประกัน และจากนี้ไป ตำรวจจะได้นำอาวุธปืนของกลางทั้งหมด ส่งไปตรวจสอบว่า อาวุธปืนดังกล่าว ได้เคยใช้ก่อคดีอะไรมาบ้างหรือไม่ รวมทั้งจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป
