ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สมาคมศิษย์เก่า มช.ร่อนแถลงการณ์ประณาม “ถ่อยเสื้อแดง” ก่อเหตุวุ่นวายทำทรัพย์สินทางราชการ – ศิษย์เก่าที่เข้าร่วมงานเสียหาย ละเมิดสิทธิ์บุคคลอื่น จี้ตำรวจ – หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจัดการด่วน อธิบการบดี มช.สั่งแจ้งความเอาผิดถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ “รักเชียงใหม่ 51” รวมกลุ่มออกระรานไปทั่ว
วานนี้ (26 ม.ค.) สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์เรื่องเหตุการณ์ความวุ่นวายในงานราตรีอ่างแก้ว 2552 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งถูกกลุ่มเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” นำโดยนายเพชรวรรต วัฒน์พงศ์ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่ม-ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ลำพูน บุกปิดล้อมเพื่อต่อต้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาร่วมงานในฐานะศิษย์เก่าด้วย
ในแถลงการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่มีกลุ่มคนใส่เสื้อสีแดงบุกเข้าไปบริเวณงาน เพื่อต่อต้านศิษย์เก่าคนหนึ่งที่มาร่วมงาน และมีการทำร้ายร่างกายอุปนายกสมาคมฯ รถยนต์และทรัพย์สินของศิษย์เก่า มช. และของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับความเสียหายนั้น
ข้อเท็จจริงงานราตรีอ่างแก้ว เป็นงานที่สมาคมฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่ากับคณาจารย์ และศิษย์เก่าด้วยกัน รวมทั้งมีการระดมทุนให้มหาวิทยาลัยด้วย และในปีนี้เป็นการร่วมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี มช. ซึ่งมุ่งหวังให้ศิษย์เก่าจากทั่วประเทศ – ทั่วโลก ที่มีกว่า 130,000 คน มาร่วมงานกัน โดยไม่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการเมือง
แต่กลับมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดล้อมบริเวณหอประชุม มช.ที่เป็นสถานที่จัดงาน ปิดกั้นไม่ให้ศิษย์เก่าและคณาจารย์เข้าร่วมงาน รวมทั้งได้บุกเข้าไปภายในบริเวณงาน มีการทำร้ายร่างกายอุปนายกสมาคมฯคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิง ที่เข้าไปชี้แจงว่า การจัดงานของสมาคมฯไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ศิษย์เก่าทุกคนสามารถเข้าร่วมงานได้
นอกจากนี้ ทรัพย์สินของทางราชการ และศิษย์เก่าที่มาร่วมงานในคืนนั้นได้รับความเสียหาย มีผลให้กิจกรรมชะงักไปบ้าง ก่อนที่จะดำเนินต่อไปจนเสร็จสิ้นตามกำหนดการ
สมาคมฯจึงขอตำหนิการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ใส่เสื้อสีแดงดังกล่าว และขอเรียกร้องไปยังผู้รับผิดชอบในบ้านเมืองโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งมีการกระทำผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิของผู้อื่น “ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น” ขอให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยให้แก่สาธารณชนโดยเคร่งครัด
**อธิการบดี มช.แจ้งความเอาผิด
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แจ้งว่า วันเดียวกัน ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิบการบดี มช. ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานมหาวิทยาลัยฯ ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกเข้าทำลายทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยแล้ว และในวันนี้ (27 ม.ค.) มหาวิทยาลัยฯ จะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีถูกกลุ่มเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” บุกหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้มีการประชุมหารือกันแล้ว โดยมีมติมอบหมายให้นิติกรของมหาวิทยาลัยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เพราะจากการสำรวจพบว่า การบุกรุกเข้าไปในวันดังกล่าว ได้ทำให้ประตูและรั้วของหอประชุมได้รับความเสียหาย รวมทั้งรถตู้ของมหาวิทยาลัยอีก 4 คัน ที่ถูกเหล็กทิ่มล้อจนได้รับความเสียหาย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ขอพูดถึง
ด้านนางเพ็ญสุวรรณ นาคปรีชา ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งถูกกลุ่มคนเสื้อแดงตบหน้าในคืนวันดังกล่าวเปิดเผยว่า จากที่ได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ไปเมื่อวานนี้ หลังจากนี้จะมีการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้ยในวันดังกล่าวเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการออกหมายจับผู้ที่ตบหน้าตนเองต่อไป
ขณะที่มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าขณะนี้ทางตำรวจยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ก่อการได้ เนื่องจากยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับ แต่ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิดให้ได้โดยเร็วที่สุด
***เสื้อแดงบุกศาลากลางอีก
ในช่วงเช้าของวานนี้ (26 ม.ค.) นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่มารับหนังสือแทน
นายเพชรวรรต กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกรณีพุทธธรรมสถานภูผาฟ้าน้ำว่า มีหลักฐานการครอบครองสิทธิ์ และบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมทั้งหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้เวลาตรวจสอบ 15 วันหลังจากนั้นจะเดินทางมาฟังคำตอบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้ปืนยิงยางรถของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 24 มกราคม 2552 ออกนอกพื้นที่ทันทีด้วย และให้สอบสวนว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ และเปิดเผยชื่อต่อกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และประชาชนให้ได้รับทราบด้วย
**อ้างหน้าไม่อายคนนอกสังกัด
นายเพชรวรรตกล่าวว่า สำหรับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ทำร้ายร่างกายอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในส่วนของกลุ่มพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาผู้ที่กระทำผิดดังกล่าวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนที่ทำร้ายร่างกายไม่ใช่กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 อย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน เพราะวันดังกล่าวมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายพื้นที่เข้ามาร่วมขับไล่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำนวนมาก คนที่ทำร้ายร่างกายและขับรถพุ่งชนตำรวจ ไม่ใช่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แน่นอน เพราะเราเห็นหน้ากันประจำและรู้จักกันทุกคน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน ที่มาจากพื้นที่อื่น
การชุมนุมเพื่อขับไล่บุคคลหรือคนที่เกี่ยวข้องในคณะรัฐบาลนั้นจะเลือกเฉพาะคนที่สร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติเท่านั้น โดยจะเจาะจงลงไปเฉพาะบุคคลมากกว่า
ก่อนหน้านี้นางฟ้างาย คำอโศก ผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวนั้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกเวลา และขอยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานการครอบครองสิทธิอย่างชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การที่กลุ่มเสื้อแดงถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้น จึงถือว่าเข้าข่ายบุกรุก เพราะไม่มีอำนาจในการดำเนินการ รวมทั้งทำลายทรัพย์สินก็ยังเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย ซึ่งมีความผิดเช่นกัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วย
**รักเชียงใหม่ 51 ระรานไปทั่ว
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็ยังระดมคนไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 8 ที่กำลังดำเนินการขุดพื้นที่บริเวณน้ำพุ กลางประตูช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร เพื่อตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ว่า บริเวณใต้พื้นที่ดังกล่าว มีแนวกำแพง 2 ชั้นจริงหรือไม่ หากเป็นจริงก็จะดำเนินการบูรณะซ่อมแซมต่อไป
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเทศบาลนครเชียงใหม่ สมัยที่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่อยู่ ได้ก่อสร้างน้ำพุขึ้นมาทับ กระทั่งถูกผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภามาตรวจสอบ และให้ดำเนินการรื้อน้ำพุทิ้ง คืนพื้นที่ให้แก่กรมศิลป์ จึงดำเนินการขุดเพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป
กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ปล่อยข่าวผ่านเครือข่ายวิทยุชุมชนของตน ด้วยว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังขุดพื้นดินบริเวณน้ำพุช้างเผือกนั้น พบกระพระเก่าแก่ ทำให้มีชาวบ้านเดินทางมาดูกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ต้องยุติการดำเนินงานไปก่อน
นอกจากนี้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังยื่นเงื่อนไขให้กรมศิลปากรว่า ให้หาทีวีช่อง 1 ส่งตัวแทนมาชี้แจงต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะต่อต้านไม่ให้มีการขุด หรือดำเนินการใด ๆ ต่อไป.
วานนี้ (26 ม.ค.) สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์เรื่องเหตุการณ์ความวุ่นวายในงานราตรีอ่างแก้ว 2552 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งถูกกลุ่มเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” นำโดยนายเพชรวรรต วัฒน์พงศ์ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่ม-ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ลำพูน บุกปิดล้อมเพื่อต่อต้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาร่วมงานในฐานะศิษย์เก่าด้วย
ในแถลงการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่มีกลุ่มคนใส่เสื้อสีแดงบุกเข้าไปบริเวณงาน เพื่อต่อต้านศิษย์เก่าคนหนึ่งที่มาร่วมงาน และมีการทำร้ายร่างกายอุปนายกสมาคมฯ รถยนต์และทรัพย์สินของศิษย์เก่า มช. และของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับความเสียหายนั้น
ข้อเท็จจริงงานราตรีอ่างแก้ว เป็นงานที่สมาคมฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่ากับคณาจารย์ และศิษย์เก่าด้วยกัน รวมทั้งมีการระดมทุนให้มหาวิทยาลัยด้วย และในปีนี้เป็นการร่วมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี มช. ซึ่งมุ่งหวังให้ศิษย์เก่าจากทั่วประเทศ – ทั่วโลก ที่มีกว่า 130,000 คน มาร่วมงานกัน โดยไม่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการเมือง
แต่กลับมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดล้อมบริเวณหอประชุม มช.ที่เป็นสถานที่จัดงาน ปิดกั้นไม่ให้ศิษย์เก่าและคณาจารย์เข้าร่วมงาน รวมทั้งได้บุกเข้าไปภายในบริเวณงาน มีการทำร้ายร่างกายอุปนายกสมาคมฯคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิง ที่เข้าไปชี้แจงว่า การจัดงานของสมาคมฯไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ศิษย์เก่าทุกคนสามารถเข้าร่วมงานได้
นอกจากนี้ ทรัพย์สินของทางราชการ และศิษย์เก่าที่มาร่วมงานในคืนนั้นได้รับความเสียหาย มีผลให้กิจกรรมชะงักไปบ้าง ก่อนที่จะดำเนินต่อไปจนเสร็จสิ้นตามกำหนดการ
สมาคมฯจึงขอตำหนิการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ใส่เสื้อสีแดงดังกล่าว และขอเรียกร้องไปยังผู้รับผิดชอบในบ้านเมืองโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งมีการกระทำผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิของผู้อื่น “ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น” ขอให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยให้แก่สาธารณชนโดยเคร่งครัด
**อธิการบดี มช.แจ้งความเอาผิด
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แจ้งว่า วันเดียวกัน ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิบการบดี มช. ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานมหาวิทยาลัยฯ ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกเข้าทำลายทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยแล้ว และในวันนี้ (27 ม.ค.) มหาวิทยาลัยฯ จะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีถูกกลุ่มเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” บุกหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้มีการประชุมหารือกันแล้ว โดยมีมติมอบหมายให้นิติกรของมหาวิทยาลัยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เพราะจากการสำรวจพบว่า การบุกรุกเข้าไปในวันดังกล่าว ได้ทำให้ประตูและรั้วของหอประชุมได้รับความเสียหาย รวมทั้งรถตู้ของมหาวิทยาลัยอีก 4 คัน ที่ถูกเหล็กทิ่มล้อจนได้รับความเสียหาย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ขอพูดถึง
ด้านนางเพ็ญสุวรรณ นาคปรีชา ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งถูกกลุ่มคนเสื้อแดงตบหน้าในคืนวันดังกล่าวเปิดเผยว่า จากที่ได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ไปเมื่อวานนี้ หลังจากนี้จะมีการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้ยในวันดังกล่าวเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการออกหมายจับผู้ที่ตบหน้าตนเองต่อไป
ขณะที่มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าขณะนี้ทางตำรวจยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ก่อการได้ เนื่องจากยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับ แต่ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิดให้ได้โดยเร็วที่สุด
***เสื้อแดงบุกศาลากลางอีก
ในช่วงเช้าของวานนี้ (26 ม.ค.) นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่มารับหนังสือแทน
นายเพชรวรรต กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกรณีพุทธธรรมสถานภูผาฟ้าน้ำว่า มีหลักฐานการครอบครองสิทธิ์ และบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมทั้งหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้เวลาตรวจสอบ 15 วันหลังจากนั้นจะเดินทางมาฟังคำตอบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้ปืนยิงยางรถของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 24 มกราคม 2552 ออกนอกพื้นที่ทันทีด้วย และให้สอบสวนว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ และเปิดเผยชื่อต่อกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และประชาชนให้ได้รับทราบด้วย
**อ้างหน้าไม่อายคนนอกสังกัด
นายเพชรวรรตกล่าวว่า สำหรับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ทำร้ายร่างกายอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในส่วนของกลุ่มพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนหาผู้ที่กระทำผิดดังกล่าวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนที่ทำร้ายร่างกายไม่ใช่กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 อย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน เพราะวันดังกล่าวมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายพื้นที่เข้ามาร่วมขับไล่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำนวนมาก คนที่ทำร้ายร่างกายและขับรถพุ่งชนตำรวจ ไม่ใช่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แน่นอน เพราะเราเห็นหน้ากันประจำและรู้จักกันทุกคน แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน ที่มาจากพื้นที่อื่น
การชุมนุมเพื่อขับไล่บุคคลหรือคนที่เกี่ยวข้องในคณะรัฐบาลนั้นจะเลือกเฉพาะคนที่สร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติเท่านั้น โดยจะเจาะจงลงไปเฉพาะบุคคลมากกว่า
ก่อนหน้านี้นางฟ้างาย คำอโศก ผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวนั้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกเวลา และขอยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานการครอบครองสิทธิอย่างชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การที่กลุ่มเสื้อแดงถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้น จึงถือว่าเข้าข่ายบุกรุก เพราะไม่มีอำนาจในการดำเนินการ รวมทั้งทำลายทรัพย์สินก็ยังเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย ซึ่งมีความผิดเช่นกัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วย
**รักเชียงใหม่ 51 ระรานไปทั่ว
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็ยังระดมคนไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 8 ที่กำลังดำเนินการขุดพื้นที่บริเวณน้ำพุ กลางประตูช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร เพื่อตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ว่า บริเวณใต้พื้นที่ดังกล่าว มีแนวกำแพง 2 ชั้นจริงหรือไม่ หากเป็นจริงก็จะดำเนินการบูรณะซ่อมแซมต่อไป
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเทศบาลนครเชียงใหม่ สมัยที่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่อยู่ ได้ก่อสร้างน้ำพุขึ้นมาทับ กระทั่งถูกผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภามาตรวจสอบ และให้ดำเนินการรื้อน้ำพุทิ้ง คืนพื้นที่ให้แก่กรมศิลป์ จึงดำเนินการขุดเพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป
กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ปล่อยข่าวผ่านเครือข่ายวิทยุชุมชนของตน ด้วยว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังขุดพื้นดินบริเวณน้ำพุช้างเผือกนั้น พบกระพระเก่าแก่ ทำให้มีชาวบ้านเดินทางมาดูกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ต้องยุติการดำเนินงานไปก่อน
นอกจากนี้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังยื่นเงื่อนไขให้กรมศิลปากรว่า ให้หาทีวีช่อง 1 ส่งตัวแทนมาชี้แจงต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะต่อต้านไม่ให้มีการขุด หรือดำเนินการใด ๆ ต่อไป.